SCGP ลุ้นนิวไฮต่อ รายได้ทะลุ 1 แสนลบ. ปี 64 ลุยลงทุน 2 หมื่นลบ.เพิ่มเท่าตัว

HoonSmart.com>> “เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” คุยผลงาน ปี 63 All Time High ปี 64 ทุบสถิติใหม่ รายได้สูงกว่า 1 แสนล้านบาท เฉพาะซื้อกิจการตปท. 2 ดีลช่วยเพิ่มยอดขาย 5 พันล้านบาท ตั้งงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท เตรียมไว้ซื้อกิจการ ขยายการลงทุน เงินสดในมือเกือบ 3.3 หมื่นล้านบาท จ่อขายหุ้นกู้ 5,500 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติเงินปันผล 0.45 บาท/หุ้น ขึ้น XD 7 เม.ย.64  

ราคาหุ้น บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ปักหัวลง ปิดที่ 46.75 บาท ติดลบ 2.25 บาทหรือ 4.59% วันที่ 26 ม.ค. 2564 รับข่าวดีผลการดำเนินงานปี 2563 กำไรสุทธิ 6,457 ล้านบาท เติบโต 22.56% จากงวดปีก่อน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เฉพาะไตรมาสที่ 4/2563 มีกำไรสุทธิ 1,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและเติบโต 11% จากไตรมาส 3ที่ผ่านมา

วิชาญ จิตร์ภักดี

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ปี 2564 เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ทะลุระดับ 1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 9.28 หมื่นล้านบาทในปี 2563 นับเป็นการทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง (All Time High) เป็นผลจากดีลการควบรวมกิจการที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งดีล Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) ผู้ประกอบการบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษในเวียดนาม และบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม 94.11%  และดีล Go-Pak UK Limited ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารในสหราชอาณาจักรที่แล้วเสร็จในเดือน ม.ค.64 รวมถึงยังเป็นการเติบโตตามแผนการขยายกำลังการผลิตตามปกติของบริษัทด้วย

“บริษัทจัดพอร์ตให้สมดุลยิ่งขึ้น  ทั้งสินค้า ลูกค้าและภูมิศาสตร์ สร้างเสถียรภาพในระยะยาว แนวโน้มเติบโตในภูมิภาค มองอาเซียนเติบโตมากกว่า 50%ปัจจุบันประเทศไทย  52% ในอาเซียน  30%เศษ ส่งออก 18% และนอกอาเซียน”

ในปีนี้  SOVI และ Go-Pak จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5,000 ล้านบาท นอกจากนั้นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังเติบโตได้ตามตลาด การขยายลงทุนที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีโอกาสทางธุรกิจการควบรวมกิจการที่จะมากขึ้น  โดยตั้งงบลงทุนไว้ 2 หมื่นล้านบาท จากปีที่ผ่านมาใช้เงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมถึงดีลควบรวมกิจการและการขยายลงทุนตามแผน ซึ่งยังเน้นในภูมิภาคอาเซียน  ขยายธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงขยายกำลังผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และโครงการขยายบรรจุภัณฑ์โพลิเมอร์ในประเทศไทยจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้

นอกจากนี้ได้วางแผนบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค รองรับภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในระดับภูมิภาคที่มีแนวโน้มขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คาดว่าความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าเพื่อสุขภาพ จะยังคงขยายตัวในปีนี้ และในระยะยาวคาดว่าอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์จะได้รับปัจจัยบวกจากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตสินค้ามายังภูมิภาคอาเซียน

สำหรับสายธุรกิจเยื่อและกระดาษของบริษัทในปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากปริมาณความต้องการใช้เยื่อกระดาษ ,กระดาษพิมพ์เขียนลดลงอย่างมากจากมาตรการควบคุมโรคระบาด โดยการปิดสถานศึกษาและนโยบายรณรงค์ให้ทำงานที่บ้าน (WFH) ดังนั้น บริษัทจึงได้วางแผนกลยุทธ์ปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจไปสู่บรรจุภัณฑ์อาหาร
ซึ่ง Go-Pak หนึ่งในผู้นำในการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหารสำหรับธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มประเภทนำกลับและพร้อมรับประทานในสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ ช่วยขยายฐานลูกค้า เพิ่มความสามารถในการผลิตและจัดจำหน่าย รวมถึงการขายเยื่อกระดาษไปยังลูกค้ากลุ่มกระดาษชำระมากขึ้น  ช่วยสนับสนุน สายธุรกิจนี้ให้ดีขึ้นด้วย

ด้านนายกุลเชฏฐ์ ธาราจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน ของ SCGP กล่าวว่า บริษัทมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง  หลังขาย IPO นำเงินไปชำระหนี้  ปัจจุบัน มีเงินสดในมือเกือบ 3.3 หมื่นล้านบาท และมีภาระหนี้อยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ระดับ 0.6 เท่า มีศักยภาพในการก่อหนี้และขยายธุรกิจในอนาคต
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมออกหุ้นกู้วงเงิน  5,500 ล้านบาท อายุ 3 ปี 8 เดือน เพื่อชำระคืนหนี้ที่จะครบกำหนดในช่วงกลางปีนี้

ส่วนเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนไม่ได้มีผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทมากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นลักษณะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยธรรมชาติ (natural hedge) โดยเงินบาทที่แข็งค่าทุก 1 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ กระทบต่อกำไรของบริษัทประมาณ  100 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในแต่ละปี

ด้านคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินประมาณ 1,932 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 8 เม.ย. 2564 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 7 เม.ย. 2564 และจ่ายงินในวันที่ 22 เม.ย. 2564