คุ้ย แคะ แกะ เกา : เหยื่อของความไร้เดียงสา

โดย…รัสปูติน

www.HoonSmart.com “เสนอความจริง ทุกการลงทุน” ปีที่ 1 วันที่ 23 ก.ค.2561

* ตูข้าเคยบอกไว้ตรงๆ ว่าภายในสิ้นเดือนนี้ จะเห็นดัชนี SET ยืนเหนือ 1,650 จุด และให้ซื้อหุ้น PTT เก็บเข้าพอร์ตจะมากหรือน้อยตามกำลัง …ที่บอกย้ำอีกครั้ง ไม่ใช่จะคุยหรือโม้ว่ามีตาวิเศษ แต่ประสบการณ์ล้วนๆ บอกว่าไม่อาจเป็นอื่น หุ้นมีขึ้นและลงเป้นเรื่องปกติ..รัสปูตินก็แค่คนชี้ทางหรือหมาเฝ้าบ้านที่ไม่ยอมแก่ แค่นั้น จำเอาไว้

* ดัชนีที่พุ่งแรงเกินคาดและกระจุกตัวเฉพาะหุ้นใหญ่ระดับบลูชิพ เตือนสูเจ้าอย่างไม่เป็นทางการ ว่าให้ระวังตกเป็นเหยื่อของความไร้เดียงสา เพราะล่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์สวมวิญญาณ “ไอ้คลั่ง ทะเลโหด” ขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 5 แสนล้านเหรียญ จนทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ในแดนลบ แต่ทว่า ก็มีคนมองต่างมุมว่า “หมาเห่าเก่ง กัดไม่เก่ง” แต่ผลประกอบการของ Microsoft ที่รายงานออกมาอย่างยอดเยี่ยมเกินคาด ก็สามารถพาให้ตลาดหุ้นกลับมาดูดีแบบเต็มกลืนได้ มันเป็นสถานการณ์ “ไซด์เวย์” ที่ไม่น่าจะจบลงแบบสั้นๆ ตราบใดยังไม่ได้วิเคราะห์เจาะลึกว่ากำไรเกินคาดกลุ่มแบงก์มาจากไหน

* อาการคลั่งของทรัมป์ยังไม่หยุด เพราะล่าสุดลามปามไปวิพากษ์เฟดฯ 2 วันติดกัน ถ้าถือตามหลักการ…ครั้งแรกอาจจะบังเอิญ แต่ครั้งสองเป็นเจตนา…สามารถตีความได้ว่า ทรัมป์กำลัง “ข้ามแม่น้ำรูบิคอน” ทำนองเดียวกับจูเลียน ซีซาร์เมื่อ 2,400 ปีก่อน…มันคือการประกาศสงครามกัน

* ในโครงสร้างอำนาจบริหารเศรษฐกิจแบบอเมริกา มีการแบ่งอำนาจชัดเจน ทำเนียบขาวดูแลนโยบายการคลัง และเฟดฯดูแลนโยบายการเงิน การล้ำเส้นจะกระทำไม่ได้ แต่ทรัมป์ก็ตัดสินใจกระทำ ผลลัพธ์คือนอกจากหุ้นตก และค่าดอลลาร์ป่วนอีกครั้ง ยังมีมากกว่านั้น

* นโยบายการคลังเน้นการเติบโต สร้างจีดีพี ส่วนนโยบายการเงินเน้นสร้างเสถียรภาพมากกว่าการเติบโต การที่คนดูแลการคลังกล่าววิพากษ์คนดูแลการเงิน คือ การข้ามเส้นแบ่ง หรือละเมิดพรมแดน ที่ลงเอยก็รู้กันว่า ใครชนะ

* ที่เลยเถิดไปคือ ล่าสุด บรรดานักตีความในวอลล์สตรีท ระบุว่า ทรัมป์กำลังส่งสัญญาณซี้ชัดว่ามีเจตนาขยายวงจากสงครามการค้า สู่สงครามค่าเงินด้วยการสั่งหรือใช้ค่าดอลลาร์อ่อนเพื่อแก้การค้า …นี่คืออันตรายที่แท้จริงที่ใกล้จะเกิดขึ้น คำถามคือในสภาพเช่นนี้ ตลาดหุ้นจะไปต่อได้นานแค่ไหน โดยไม่เกิดฟองสบู่ของราคาหุ้น โจทย์ที่ว่านี้ ยังต้องถอดรหัสกันอีกรอบ

* ในระยะเฉพาะหน้า กำไรหุ้นแบงก์ใหญ่ไทยที่ทยอยออกมา ดูดีเกินคาด ได้จังหวะขาขึ้นระลอกแรกพอดีเหมือนนัดกันล่วงหน้า..ทั้งที่จริงไม่ใช่

* KBANK วิ่งฉิวบวกไป 11.50 บาท ทำนิวไฮรอบ 4 เดือน เพราะรายได้จากขายประกันพุ่งเยอะ หลังโชว์กำไรไตรมาสสอง พุ่งกระฉูด 1.1 หมื่นล้านบาท มูลค่าซื้อขายมากมายเกือบ 5.2 พันล้านบาท โดยล่าสุด ราคาอยู่ที่ระดับ 210 บาท

* KTB คุมหนี้เน่าเก่งขึ้น ทำให้ตั้งสำรองลดฮวบ ดันกำไรไตรมาสสอง โตเท่าตัวมาที่ 7.7 พันล้านบาท จากปีก่อนมีกำไรแค่ 3.2 พันล้านบาท

* TMB อาจจะขายประกันไม่เก่ง หรือต้นทุนขายพุ่ง กำไรสุทธิที่เคยคุยสะบัดปีก่อนตอนทำสัญญากับJWD เป็นแค่ราคาคุย กำไรหดตัว 13% เหลือ 2.03 พันล้านบาท อ้างเหตุค่าใช้จ่ายพุ่ง-ตั้งสำรองฯ เพิ่ม ตามสูตร คนดีชอบแก้ไข คนอะไรชอบแก้ตัว

* เรื่องเก่า 4 ปีก่อน เสี่ยหมู สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูลกับเมีย และพวก ถูก ก.ล.ต. ปรับเงินเพราะสารภาพลดครึ่งราคา 172 ล้านบาท ไม่แปลก ความโลภไม่ปราณีใคร ทราบแล้วเปลี่ยน …ที่น่าสนใจคือ มีคนแอบรู้ก่อนประกาศออกนี่สิ ความลับไม่ได้มีในโลก กระทั่งใน ก.ล.ต.