บลจ.กสิกรไทย โชว์กองทุนติดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar ในประเภท Overall Rating คับคั่งถึง 11 กองทุน มากสุดในอุตสาหกรรม ครอบคลุมการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ทั้งกองหุ้น-กองตราสารหนี้-กองต่างประเทศ-กองผสม พร้อมเปิดมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนทั่วโลกโดยเฉพาะยุโรป เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดี
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทยมีกองทุนภายใต้การบริหารถึง 11 กองทุนที่ได้รับการจัดอันดับ (Rating) 5 ดาว จาก Morningstar ในประเภท Overall Rating ซึ่งถือว่ามีจำนวนกองทุน 5 ดาวมากที่สุดในอุตสาหกรรมกองทุนรวม ครอบคลุมการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ ทั้งกลุ่มกองทุนหุ้น, กองทุนตราสารหนี้, กองทุนต่างประเทศ และกองทุนผสม
“การที่บลจ.กสิกรไทยได้กองทุน 5 ดาวสูงสุดถึง 11 กองทุนจากมอร์นิ่งสตาร์ ซึ่งถือเป็นสถาบันชั้นนำที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในด้านผู้ให้บริการข้อมูลการลงทุน พิสูจน์ให้เห็นว่าบลจ.กสิกรไทยเน้นความสำคัญในเรื่องของการบริหารกองทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นพร้อมทั้งคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ผู้ลงทุนจึงเชื่อมั่นได้ว่า นอกเหนือจากการเลือกลงทุนได้อย่างหลากหลายตามนโยบายที่ต้องการแล้ว ผู้ลงทุนยังได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอด้วย” นายวศินกล่าว
สำหรับ 11 กองทุนที่ได้เรทติ้ง 5 ดาวจาก Morningstar (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 61) ประกอบด้วยกองทุนหุ้นไทย 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นธุรกิจพลังงาน (K-ENERGY) และกองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุน (K-MIDSMALL) ซึ่งทั้ง 2 กองทุนดังกล่าว ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 10.09% และ 11.36% ตามลำดับ โดยสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 8.16% และ 3.69% ตามลำดับ
ด้านกองทุนหุ้นต่างประเทศมี 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน หุ้นทุน (K-EUROPE), กองทุนเปิดเค ยูโรเปียนหุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KEURMF) และกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D)) ซึ่งทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 5.97%, 5.97% และ 16.48% ตามลำดับ จากเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 3.97% , 3.97% และ 16.98% ตามลำดับ
กองทุนผสมต่างประเทศมี 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต ออพพอร์ทูนนิตี้ (K-GEMO), กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) และกองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม-A ชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (K-GINCOME-A(R)) ซึ่งทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 6.92%, 2.35% และ 3.24% ตามลำดับ จากเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 5.45% , 6.54% และ 6.39% ตามลำดับ
และที่เหลืออีก 3 กองทุนซึ่งได้รับ 5 ดาวจาก Morningstar ประกอบด้วย กองทุนตราสารหนี้ 1 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค แพลน 1 (K-PLAN1) และกองทุนผสม 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค แพลน 3 (K-PLAN3) และกองทุนเปิดเค ไลฟ์สไตล์ 2530 (K-2530) ซึ่งทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 2.02%, 3.63% และ 2.99% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 1.90% , 3.68% และ 2.80% ตามลำดับ
นายวศินกล่าวต่อว่า บลจ.กสิกรไทยยังมีมุมมองเป็นบวกต่อบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกในภาพรวม โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรปที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดี แม้ว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) จะชะลอลงบ้าง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง ประกอบกับปัจจัยบวกจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีการประกาศลดวงเงิน QE ลง แต่ก็คาดว่าจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีจากอุปสงค์ภายในภูมิภาค ประกอบกับระดับราคาหุ้นถือว่าสมเหตุสมผลและยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา ทำให้หุ้นยุโรปมีความน่าสนใจในเชิงเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตามยังต้องจับตาผลกระทบจากสงครามทางการค้าที่อาจกดดันบรรยากาศการลงทุนในช่วงระยะสั้น ดังนั้นกลยุทธ์สำคัญคือการกระจายการลงทุน
“ความผันผวนของตลาดการเงินในระยะสั้นยังคงมีอยู่ แต่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแต่ละภูมิภาคขยายตัวดี ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง ต่างเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน อาทิ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขยายตัว เงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นทำให้ตลาดคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยรวมแล้ว 4 ครั้งในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียยังเติบโตดี ผลประกอบการของบริษัทขยายตัวสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดยมีจีนเป็นแรงหนุนหลัก แต่ยังคงต้องจับตาประเด็นการค้าของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากประเทศต่างๆ ดังนั้นการกระจายการลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้” นายวศินกล่าว