KKP กำไรไตรมาสสองเพิ่มขึ้น 30.9%

KKP แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 กำไรเพิ่มขึ้น 30.9% รายได้ดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 18.8%

ธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิ 1,550.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 365.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,185.15 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิ 3,063.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354.85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13% เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,709.10 ล้านบาท

KKP ระบุว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/2561 ที่เพิ่มขึ้น 30.9% เป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท ทุนภัทร (ทุนภัทร) และบริษัทย่อย ได้แก่ บล.ภทัรและบลจ.ภทัร จำนวน 413 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากพิจารณากำไรเบ็ดเสร็จรวม จะเท่ากับ 1,125 ล้านบาท ลดลง 20.6% เป็นกำไรเบ็ดเสร็จของธุรกิจตลาดทุนจำนวน 61 ล้ารนบาท โดยกำไรเบ็ดเสร็จรวมดังกล่าว ได้รวมผลจากการัดมูลค่าหลักทรัพย์เผื่อขายอันเป็นผลจากความผันผวนของตลาดทุน

สำหรับรายได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3,974 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับ 2/2560 ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของสินเชื่อ โดยรายได้ดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 18.8% ในขณะที่รายได้จากเช่าซื้อและสัญญาเช่าการเงินเพิ่มขึ้น 2.1%

ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 2,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2560 ส่วนอัตราดอกเบี้ยรับของเงินให้สินเชื่อลดลงเป็น 7.2% จาก 7.6% ในไตรมาส 2/2560 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่สินเชื่อของธนาคารมีการขยายตัวสูงในสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบรรษัท รวมถึงสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยรับโดยเฉลี่ยน้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยรับของสินเชื่อรวมของธนาคาร

ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยจ่ายยังอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาส 2/2560 ที่ 2.3% ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 2/2561 ปรับลดลงเป็น 4.9% จาก 5.3% ในไตรมาส 2/2560

สำหรับหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า ไตรมาส 2/2561 มีจำนวน 489 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากจำนวน 456 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2560

ทั้งนี้ การตั้งสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญและขาดทุนจากการด้อยค่า (ไม่รวมการตั้งสำรองทั่วไป) และรายการขาดทุนจากการขายรถยึด (Credit Cost) สำหรับไตรมาส 2/2561 คิดเป็น 1.31% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ณ สิ้นไตรมาส 2/2561 ยอดสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและค่าเผื่อการปรับมูลค่าจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 10,853 ล้านบาท โดยมียอดสำรองทั่วไปทีจำนวน 4,500 ล้านบาท
ด้านอัตราส่วนสำรองทั้งสิ้นต่อสำรองตามเกณฑ์ เท่ากับ 183.0% ลดลงจาก 185.1% ณ สิ้นไตรมาส 2/2560 และมีอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับ 113.8% เพิ่มขึ้นจาก 104.6% ในไตรมาส 2/2560