TISCO ลั่นปีนี้ กำไรโต สำรองลด ลูกดี หนุนปันผลเกิน 50%

HoonSmart.com>>”ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป” สดใสปี 64 กำไรโตตามสินเชื่อ สำรองลด จากปีก่อนเร่งเพิ่ม สูงกว่า 2 เท่าของ NPLs  ฐานะแกร่ง เงินกองทุนถึง 23%  หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่เกิน 3.5% รับมือไหว นักลงทุนหวังเงินปันผลสูงได้ ปี 63 บริษัทลูกให้ผลตอบแทนแม่ได้มาก ไม่ติดข้อจำกัดธปท. นักวิเคราะห์เชียร์ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายเกิน 100 บาท แถมเงินปันผลเกิน 4% ปีหน้ามีลุ้น 7% ธนาคารเกียรตินาคินภัทรเปิดผลงานปีก่อน กำไรสุทธิ 5,123 ล้านบาท ลดลง 14% ตลาดหุ้นบวก 12 จุด ตามตลาดต่างประเทศ สถาบันไทยพลิกมาซื้อ 1,399 ล้านบาท

นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 คาดว่าจะฟื้นตัวจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,063 ล้านบาท ลดลง 1,207 ล้านบาท หรือ 16.6% เพราะเร่งตั้งสำรองเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดจาก 183% มาอยู่ที่ 210% หรือกว่า 2 เท่าของสินเชื่อที่ก่อให้เกิดรายได้(NPLs) ในปีนี้จึงไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่มพิเศษ แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจก็ตาม คาดว่า NPLs จะอยู่ในกรอบ 3-3.5% สามารถบริหารจัดการได้ จากปีก่อนอยู่ที่  2.5%

“ผมทำงานมา 32 ปี ไม่เคยเห็นการสำรองมากขนาดนี้เลย สูงถึง 2 เท่าของ NPLs ในภาวะปกติ 150% ก็น่าจะพอ เราตั้งเผื่อไว้ว่าจะมีโควิดรอบสอง รอบสาม หรือวัคซีนมาช้า เราดูข้อมูล NPLs เป็นรายอาทิตย์ จะเข้าไปดูแลตั้งแต่เริ่มผิดนัดงวดแรก และยังมีเงินกองทุนสูงถึง 23% เพียงพอไม่ต้องออกตราสารหนี้เพื่อเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 1 สามารถบริหารได้ แต่ยังคงจะต้องระมัดระวังต่อไป เรื่องธุรกิจเรารุกตลอดเวลา แต่สถานการณ์นี้ต้องพิจารณา กลยุทธ์ของกลุ่ม ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน หากเป็นลูกค้าดี และอยู่ในธุรกิจที่ดี เรารุกตลอด “นายสุทัศน์ กล่าว

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TISCO กล่าวว่า ในปีนี้สินเชื่อจะมีโอกาสเติบโตขึ้นได้เล็กน้อย จากฐานที่ต่ำปีก่อนหดตัวถึง 7.4% ธนาคารจะเน้น กลุ่มสินเชื่อที่มีความชำนาญ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ยังให้ความสำคัญอยู่เช่นกัน

นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง TISCO กล่าวถึงการจ่ายเงินปันผลจากกำไรในปี 2563 ว่า บริษัทยังมีเงินจ่าย และทิสโก้มีบริษัทลูกที่ไม่ใช่ธนาคารหลายบริษัท เช่น บล. บลจ. และลิสซิ่ง ประกัน ซึ่งสามารถจ่ายเงินปันผลมากกว่า 50% ของกำไร มีรายได้หลักจากค่าธรรมเนียม ไม่เหมือนธนาคารที่ธปท.กำหนดให้จ่ายได้ไม่เกิน 50% ของกำไร ทำให้บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จ่ายได้มากกว่า 50%

ขณะที่มีเงินกองทุนเพียงพอ เกือบ 23% ซึ่งเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ประมาณ 18% มากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 9% ขณะที่ NPLs ก็อยู่ในกรอบที่ประมาณการไว้ 3.5%

ด้านธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2563 มีกำไรสุทธิ 5,123 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 6.05 บาท ลดลงจำนวน 865 ล้านบาทหรือประมาณ 14.44% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,988 ล้านบาท หรือ 7.07 บาทต่อหุ้น

ภาวะตลาดหุ้นวันที่ 19 ม.ค. ดัชนีปิดที่ 1,522.59 จุด +12.46 จุด หรือ +0.82% มูลค่าการซื้อขาย 87,641.98 ล้านบาท สถาบันไทยพลิกมาซื้อ 1,399.89 ล้านบาท ส่วนต่างชาตขายสุทธิ 524.63 ล้านบาท

นักลงทุนยังคงขายหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ออกมา และหันไปซื้อธนาคารขนาดกลาง ที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลสูง โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แนะนำให้ซื้อ TISCO หลังปรับประมาณการกำไรปีนี้ และราคาเป้าหมายขึ้น เช่น บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) ปรับราคาเป้าหมายจาก 94 บาท เป็น 110 บาทโดยขยับ P/BV เป้าหมายขึ้นเป็น 2.1 เท่า ROE ที่สูงมากของธนาคาร (สิ้นปี 63 อยู่ที่ 15.4%) ทำให้ราคาเป้าหมายอิงกับ P/BV ที่สูงกว่าเฉลี่ยของกลุ่มได้ ด้านเงินปันผลคาดการณ์ปี 2563 ไว้ประมาณ 4%

“กำไรปี 63ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะคุณภาพสินทรัพย์ และธนาคารยังตั้งสำรองสูงไว้รองรับความไม่แน่นอน ปัจจุบัน TISCO มีลูกหนี้เพียง 2% ที่เข้าโครงการผ่อนปรนระยะที่ 2 โดยรวม NPL ในปี 63 ลดลง -3.7% เป็น 5.6 พันล้านบาท จากลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งกลับมาเป็นหนี้ปกติได้ แต่ NPL ในส่วนสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อจำนำรถเพิ่มขึ้น ทำให้ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.5% จาก 2.4% ในสิ้นปี 62 ” บล.ดีบีเอสระบุฯ

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นแกว่งตัวในแดนบวก ตามตลาดภูมิภาค และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ไฟเขียวมาตรการ “เราชนะ” ด้านหุ้น DELTA ปิด 622.00 บาท +62.00 บาท +11.07% ส่งผลบวกต่อดัชนีประมาณ 6.95 จุด แนวโน้มวันที่ 20 ม.ค. คาดจะแกว่งตัว Sideways to Sideways up โดยให้กรอบเคลื่อนไหวสัปดาห์นี้ที่ 1,500-1,540 จุด จะได้รับผลบวกจากการที่ โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ