KKP กำไร ปี 63 เหลือ 5,123 ลบ. ลดลง 14.4%

HoonSmart.com>> ธนาคารเกียรตินาคิน กำไรปี 63 จำนวน 5,123 ล้านบาท ลดลง 14.4% จากงวดปีก่อน ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2563 กำไรสุทธิ 5,123.27 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.05 บาท ลดลง 14.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 5,988.44 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 7.07 บาท

ปี 2563 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิลดลงจากงวดปีก่อน โดยเป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท เคเคพี แคปปิตอลและบริษัทย่อยจำนวน 1,221 ล้านบาท

สำหรับกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้สำหรับปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.9% โดยหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณสินเชื่อที่ขยายตัว รวมถึงค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ปรับลดลงตามการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับลดลงเล็กน้อยที่ 4.3%

ในส่วนของการตั้งสำรองธนาคารยังคงมีการพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จำนวน 4,095 ล้านบาท เนื่องจากมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ทำให้ปริมาณการตั้งสำรองสำหรับปี 2563 อยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับปี 2562 ส่งผลให้ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิที่ลดลงในปี 2563 เมื่อเทียบปี 2562

ด้านสินเชื่อของธนาคารในปี 2563 มีการขยายตัว 12.42% จากปี 2562 โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพของสินเชื่อและมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและมีคุณภาพสินเชื่อที่ดีภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่ยงัคงมีความไม่แน่นอนอยู่ โดยการขยายตัวของสินเชื่อโดยหลักจะเป็นการขยายในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สินเชื่อบรรษัทและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมีการขยายตัวได้ดีในปี 2563

ในด้านคุณภาพของสินเชื่ออตัราส่วนสินเชื่อที่มีการดอ้ยค่าดา้นเครดิตต่อสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 2.92% ปรับลดลงจากสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 4.0% จากการบริหารคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่องของธนาคารประกอบกบัการเติบโตของสินเชื่อของธนาคารในปี 2563 สำหรับเงินกองทุน ธนาคารยงัคงมีสถานะเงินกองทุนอยู่ในระดับที่สูงและเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยโดย ณ สิ้นเดือนธ.ค.2563 ธนาคารมีอตัราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพยเ์สี่ยงอยู่ที่ 17.39%

หากพิจารณากำไรเบ็ดเสร็จรวมเท่ากับ 5,416 ล้านบาท ลดลง 3.7% โดยในส่วนของธุรกิจตลาดทุนมีผลกำไรเบ็ดเสร็จจำนวน 1,414 ล้านบาท โดยกำไรเบ็ดเสร็จรวมได้รวมผลจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุน

สำหรับไตรมาส 4/2563 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,108 ล้านบาท ลดลง 34.0% จากไตรมาส 4/2562 โดยเป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุนจำนวน 309 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/2563 ธนาคารมีรายไดด้อกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ ธนาคารได้มีการพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเดรดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสำหรับไตรมาส 4/2563 จำนวน 2,077 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีอยู่ ส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาส 4/2563 ลดลงเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน

หากพจิารณากำไรเบ็ดเสร็จรวมของไตรมาส 4/2563 เท่ากับ 1,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% จากภาวะตลาดทุนที่ปรับตัวดีขึ้นโดยเป็นกำไรเบ็ดเสร็จของธุรกิจตลาดทุนจำนวน 606 ล้านบาท