เอเซียพลัสชี้ ปี’64 ทุ่มเงินลงหุ้น เชียร์เก็บ 6 ตัว รอขายตปท.

HoonSmart.com>>บล.เอเซียพลัสจัดพอร์ตปี 64 ทุ่มลงทุนหุ้น 40%  เน้นหุ้นใหญ่- ปันผลสูงPTT, KBANK ,GULF,ADVANC, AP ,DCC  เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาแน่น  เป้าดัชนี 1,550 1,626  จุด  กำไรบจ.โต 38%  เพิ่มพอร์ตหุ้นต่างประเทศเป็น 20% ตราสารหนี้20% ตราสารการเงิน 15%

บล.เอเซียพลัส เปิดกลยุทธ์การลงทุนในปี 2564 เริ่มเห็นความพร้อมหลายด้านสนับสนุนให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในระยะกลางและยาว เช่นเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว  ดังนั้น คงน้ำหนักหุ้นไทยไว้ที่ 40% (มากกว่าตลาดฯ) กลยุทธ์ เลือกหุ้นขนาดใหญ่ คาดหวังการเติบโตในปีหน้า อาทิ PTT, KBANK ,GULF และหุ้นปันผลสูงอย่าง ADVANC, AP ,DCC ส่วนหุ้นที่มีราคาสูงกว่ามูลค่าที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน คือ MAJOR และ DELTA

หุ้นจะได้รับผลดีจากเงินต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนทางตรง หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนทางตรงในระดับต้นๆ ของเอเชีย ทั้งจากสิทธิพิเศษต่างๆ และเม็ดเงินสนับสนุนจากทางภาครัฐในด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม และพลังงาน ก็ถือว่าโดดเด่น

ส่วนการลงทุนทางอ้อม คาดมีเงินเข้ามาต่อเนื่องจากที่โถมเข้ามาลงทุนในช่วง 2 เดือนสุดท้ายสูงเกือบ 5 หมื่นล้าน ยิ่งในภาวะดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ มีโอกาสเห็นการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินจากพันธบัตรมาสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ทิศทางค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่า หนุนให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ถือเป็นตัวช่วยเพิ่มน้ำหนักในตลาดหุ้นอีกแรง

นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากสภาพคล่องส่วนเกินในประเทศ ทั้งจากนักลงทุนรายย่อยที่มีการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นมากถึง 6.6 แสนบัญชี/ปี และจากนักลงทุนสถาบันที่มีการลดสัดส่วนการถือครองตราสารหนี้ลง แต่เพิ่มน้ำหนักให้กับตลาดหุ้นและกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่แรงกดดันปกติในช่วงต้นปี 2564 อย่างแรงขายคืน LTF น่าจะลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยังไม่ครบกำหนดในการไถ่ถอนในระยะเวลา 7 ปีปฎิทิน

ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตถึง 38% ในปี 2564 ซึ่งจากข้อมูลในอดีตบ่งชี้ว่าปีไหนก็ตามที่มีเงินทุนไหลเข้า หรือกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตแรง ดัชนีจะเพิ่มขึ้นได้ดีเสมอ ฝ่ายวิจัยประเมินเป้าหมายดัชนีแรก 1,550 ถัดไปที่ 1,626 จุด คิดเป็น P/E ที่ 23.8 เท่า ประมาณการกำไรต่อหุ้นปีนี้ที่ 65.04 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดวงกว้างในประเทศ เป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิด

สำหรับการลงทุนต่างประเทศ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศกลับมา แต่คาดสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นน้อยกว่าการระบาดครั้งก่อนๆ บวกกับเชื่อว่า เงินทุนยังมีทิศทางไหลเข้าตลาดหุ้นจากสภาพคล่องส่วนเกินที่ล้นระบบ ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ เพิ่มน้ำหนักหุ้นต่างประเทศเป็น 20% ของพอร์ตการลงทุนเน้น หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่ได้ประโยชน์ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่าง Hong Kong Exchanges & Clearing Ltd (388 HK) และ NetEase Inc (NTES US)

ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้วัคซีนที่มีพัฒนาการเชิงบวกช่วยสนับสนุนสถานการณ์โควิด-19 ดูดีขึ้นในระยะกลาง-ยาว ทำให้ความหวังลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นไปได้ยากขึ้น กลยุทธ์การลงทุน คงน้ำหนัก 20% ของ พอร์ตรวม เน้นลงทุนตราสารหนี้ที่ Duration เฉลี่ยไม่เกิน 3 ปีและ มีเรทติ้งระดับลงทุนได้ขึ้นไป เลือก CPNREIT232A และ SCC244A ส่วน Money Market ให้ลดน้ำหนักจาก 20% เหลือ 15%