๐ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังอยู่ในระดับที่สูง และไวรัสมีการกลายพันธุ์สามารถแพร่กระจายติดต่อได้ง่ายขึ้น อย่างไรตามจากการทดลอง AstraZeneca ยืนยันว่าวัคซีนสามารถป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ โดยผลการทดลองที่ผ่านมาพบว่า ร้อยละ 70.4 ของผู้เข้ารับการทดสอบ โดยการฉีดวัคซีนคนละ 2 โดส ตอบสนองต่อวัคซีนดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ข่าวดีเรื่องสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ อนุมัติให้ใช้วัคซีนของบริษัท Pfizer-BioNtech และ Moderna ในการรักษากรณีฉุกเฉินได้
๐ นาย Donald Trump ได้ลงนามบังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น โดยมาตรการครั้งนี้ออกมาเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อีกทั้งยังได้ลงนามในร่างงบประมาณวงเงิน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถเปิดดำเนินการต่อไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2564
๐ ยุโรปและอังกฤษบรรลุข้อตกลงทางการค้า นาย บอริส จอห์นสัน ระบุว่าได้มีการบรรลุข้อตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาคิดเป็นมูลค่ากว่า 6.6 แสนล้านปอนด์ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยปกป้องตำแหน่งงานในสหราชอาณาจักรอนุญาตให้สินค้าของสหราชอาณาจักรวางขายในสหภาพยุโรปโดยไม่มีภาษีศุลกากรและการกำหนดโควตา ซึ่งเป็นการปิดความเสี่ยงจากการแยกตัวโดยไม่มีข้อตกลงที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจได้
๐ สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในประเทศไทยยกระดับความรุนแรงขึ้น หลังจากตรวจพบว่ามีผู้ติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาครเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงถึง 1,548 ราย และมีการแพร่กระจายไปสู่จังหวัดอื่นๆ เช่น สมุทรปราการ และนครปฐม อย่างไรก็ตามจังหวัดสมุทรสาครออกมาตรการ Lockdown เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งอาจจะกระทบกับบางภาคอุตสาหกรรม จากการปิดเมืองสมุทรสาคร โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม,การแพทย์, ขนส่งมวลชน และบันเทิง จากความกังวลการระบาดที่ทำให้เกิดการชะลอกิจกรรมต่างๆ การประกาศให้ทำงานที่บ้าน (WFH) และการงดเว้นกิจกรรมสังสรรค์
๐ สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 ในต่างประเทศยังคงน่าเป็นห่วง ซึ่งข่าวล่าสุดพบว่า ในประเทศอังกฤษพบไวรัส COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดที่เร็วกว่าเดิมถึง 70%. โดยนายกฯอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน ประกาศใช้มาตรการควบคุมระดับ 4 ในกรุงลอนดอนกับบางพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้และทางตะวันออกของอังกฤษเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยจะมีการทบทวนมาตรการอีกครั้งในวันที่ 30 ธ.ค. นี้
๐ BOJ ยังคงผ่อนคลายโยบายการเงินต่อไป ในอาทิตย์ที่ผ่านมา BOJ มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ -0.1% และยังขยายโครงการเพื่อสนับสนุนการระดมเงินทุนให้กับภาคเอกชนออกไปอีก 6 เดือนจนถึงสิ้นเดือน ก.ย.ปีหน้า