SCBS ชี้เทรดวอร์กระทบน้อย ยืนเป้าดัชนี 1,900 จุด

SCBS คาดดัชนีฯผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ยันสงครามการค้ามีผลกระทบไม่มาก คงเป้าดัชนีฯทั้งปีที่ 1,900 จุด แนะลงทุน 6 หุ้น “BBL-KTB-HANA-KCE-CPF-TU” ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น เศรษฐกิจในประเทศแข็งแรง และดอลล่าร์แข็ง

นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ผ่านจุดต่ำสุดที่ 1,670 จุดแล้ว และในช่วงไตรมาส 3 มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น โดย SCBS ยังมั่นใจว่าดัชนีฯจะอยู่ที่ 1,900 จุดในช่วงสิ้นปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจไทยที่เติบโตอย่างแข็งแรง ส่วนความกังวลสงครามการค้าคลี่คลายลงแล้ว แม้ว่าสหรัฐจะอยู่ระหว่างพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตรา 10% สำหรับสินค้ามูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

“ยอดสินค้าคงของไทยที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากการผลิตสินค้าเพื่อรอการส่งออก และผลิตเพื่อใช้บริโภคภายในประเทศตามยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งลักษณะดังกล่าวถือเป็นวงจรขาขึ้นในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจโลก ส่วนสงครามการค้าสหรัฐและจีนน่าจะยืดเยื้อไปอีกระยะ แล้วจะจบลงด้วยการเจรจา ล่าสุดฝ่ายจีนก็อ่อนลง และพร้อมเปิดการเจรจาแล้ว ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่มีอะไรน่ากังวล และกำไรตลาดหุ้นปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 10% เราจึงคงเป้าดัชนีสิ้นปีที่ 1,900 จุดเช่นเดิม”นายอิสระกล่าว

สำหรับทิศทางค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนคงลงอีก ตามทิศทางค่าเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐระยะ 10 ปี ที่จะเพิ่มเป็น 3.25% ณ สิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.9% และต้นปีอยู่ที่2.4%

นายอิสระ กล่าวว่า ในส่วนหุ้น top picks ที่ SCBS แนะนำซื้อในช่วงไตรมาส 3 จะเป็นหุ้นที่ราคาขึ้นน้อยกว่าตลาด ได้รับประโยชน์จากค่าเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่า และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบด้วย กลุ่มธนาคารพาณิชย์ คือ BBL ที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจริงที่เติบโต และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นรายได้ รวมทั้ง KTB ที่สินเชื่อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและภาระการตั้งสำรองลดลง ในขณะที่ valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยราคาหุ้นต่อบุ๊ค (P/BV) อยู่ที่เพียง 0.8 เท่า

ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าและระดับราคาหุ้นยังน่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คือ HANA และKCE กลุ่มอาหาร คือ CPF และTU

นายพรเทพ ชูพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย SCBS กล่าวว่า SCBS ประเมินว่าสงครามการค้าจะมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงไม่มาก เพราะการตั้งกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐและคู่ค้า โดยเฉพาะจีนนั้น จะทำให้การค้าขายในตลาดโลกลดลงไม่มาก เนื่องจากสินค้าที่เคยขายในประเทศหนึ่งหรือในตลาดแห่งหนึ่งจะเปลี่ยนทิศทางไปยังประเทศใหม่หรือตลาดแห่งใหม่ ในขณะที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคจะแบ่งภาระต้นทุนภาษีที่เพิ่มขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน

“เรื่องผลกระทบจากเทรดวอร์ ผมมองว่าตลาดกังวลมากเกินไป และตอนนี้ดัชนีฯได้ผ่านจุดต่ำสุดที่ 1,675 จุดไปแล้ว ปีนี้ได้เห็นดีชนีฯ 1,900 จุดแน่นอน ส่วนค่าเงินบาทจะอยู่ที่เฉลี่ย 33.50 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และบางช่วงอาจได้เห็นการอ่อนค่าไปถึง 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ”นายพรเทพกล่าว