โดย… สุนันท์ ศรีจันทรา
แม้ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่สงครามการช่วงชิงหุ้นบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ได้เริ่มขึ้นแล้วเงียบๆ หลังจากบริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทย่อยของบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI แจ้งตลาดหลักทรัพย์ จัดทำคำเสนอซื้อหุ้น MK ทั้งหมดโดยสมัครใจ ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท
ปรากฏการณ์ของสงครามชิงหุ้น MK เกิดขึ้น เมื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ MK อีกกลุ่ม ทยอยซื้อหุ้นเก็บ และเป็นการแสดงสัญลักษณ์การตั้งป้อมสู้กับกลุ่ม SPALI
กลุ่มศุภาลัยอาจจัดทำคำเสนอซื้อโดยสมัครใจ แต่การครอบงำกิจการหรือเทกโอเวอร์ MK อาจเกิดขึ้นโดยไม่เป็นมิตร เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมไม่ยินยอม
โครงสร้างผู้ถือหุ้น MK แม้จะปรากฏชื่อนายประทีป ตั้งมติธรรมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ถือหุ้นในสัดส่วน 11.29% แต่สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) หรือ FNS มีมากกว่า 20% และกุมอำนาจการบริหารงานของ MK ในปัจจุบัน
หลังจากกลุ่มศุภาลัยประกาศจัดทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด กลุ่มฟินันซ่าได้เคลื่อนไหวทันที โดยทยอยเข้ามาซื้อหุ้นบนกระดาน และรายงานการเก็บหุ้นผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
FNS รายงาน ก.ล.ต.ว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มาซึ่งหุ้น MK จำนวน 0.323% ของทุนจดทะเบียน ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 10.099% ของทุนจดทะเบียน
ในวันเดียวกัน นายฟิลิปวีระ บุนนาค ได้รายงานการได้มาหุ้น MK จำนวน 2.45% ของทุนจดทะเบียน ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 6.23% ของทุนจดทะเบียน
กลุ่มศภาลัยประกาศจัดทำคำเสนอซื้อหุ้น MK ก่อนตลาดหุ้นเปิดการซื้อขายวันที่ 11 กรกฎาคม และทำให้กลุ่มฟินันซ่าเปิดปฏิบัติการ ไล่เก็บหุ้นบนกระดานทันที และทำให้ ราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง โดยไล่ราคากันไปสูงสุดที่ 4.26 บาท สูงกว่าราคาจัดทำคำเสนอซื้อที่ 4.10 บาท ก่อนจะปิดที่ 4.08 บาท เพิ่มขึ้น 78 สตางค์หรือ23.64% ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นกว่า481 ล้านบาท
การครอบงำกิจการ MK โดยสมัครใจของกลุ่มศุภาลัยคงไม่ง่ายแล้ว เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่อีกฝ่ายคือ กลุ่มฟินันซ่าไม่ยอม และทยอยเข้ามาช่วงชิงเก็บหุ้นในกระดาน
หุ้น MK ที่เคยเป็นหุ้นสงบ ซื้อขายอย่างเงียบเหงา นักลงทุนทั่วไปไม่ให้ความสนใจ กลายเป็นหุ้นที่มีราคา น่าจับตามอง และมีสงครามย่อมๆ เกิดขึ้น เพื่อชิงความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ผู้ถือหุ้นรายย่อย MK มีจำนวนทั้งสิ้น 4,572 ราย ถือหุ้นรวมกันสัดส่วน 64.83% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นกลุ่มเป้าหมายในศึกช่วงชิงหุ้น
แทบไม่ต้องคาดหมายว่า กลุ่มศุภาลัยจะประสบความสำเร็จในการจัดทำคำเสนอซื้อหุ้น MK หรือไม่ เพราะถ้าราคาหุ้นในกระดานยังเคลื่อนไหวระดับ 4.10 บาท คงไม่มีนักลงทุนรายใดเสียเวลาถือใบหุ้นไปขายให้กลุ่มศุภาลัย
เป้าหมายในการเทกโอเวอร์ MK อาจต้องพับโดยปริยาย เพราะราคาหุ้นที่เสนอซื้อไม่จูงใจพอ
ถ้านายประทีปยังต้องการได้ MK ไปอยู่ในเครือข่าย ต้องใจถึงๆ หน่อย โดยขยับราคาเสนอซื้อขึ้นมาไปอีก และกำหนดราคารับซื้อแถวมูลค่าทางบัญชีของ MK หรือแถว 6 บาท
แต่จะซื้อของถูก เสนอราคาเพียง 4.10 บาท กลุ่มฟินันซ่าคงยอมไม่ได้ และไล่เก็บหุ้นตักหน้า ปิดทางกลุ่มศุภาลัยที่จะเข้ามายึดอำนาจการบริหาร
ศึกชิงหุ้น MK ระหว่างกลุ่มศุภาลัยกับกลุ่มฟินันซ่าครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้หญ้าแพรกหรือนักลงทุนรายย่อยแหลกลาญ แต่กลับทำให้นักลงทุนรายย่อยได้รับประโยชน์โดยตรง
เพราะมีโอกาสเลือกได้ เลือกขายหุ้นตามราคาที่พอใจ โดยมีราคา 4.10 บาทเป็นราคาประกันขั้นต่ำ ส่วนราคาบนกระดาน ถ้าสูงกว่า แล้วแต่ความพอใจที่จะเคาะขายราคาไหน หรือจะถือยาวก็ยังไหว เพราะจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ใน MK
สงครามชิงความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ MK ครั้งนี้ กลุ่มศุภาลัยคงไม่ใช่ฝ่ายชนะ