BGC ยื่นไฟลิ่ง IPO 194 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์

“บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส” ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 194.44 ล้านหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ระดมทุนขยายโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรี ชูจุดแข็งผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในประเทศ ตั้งบล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) ผู้จัดจำหน่าย ส่งออก และนำเข้าบรรจุภัณฑ์แก้ว รวมถึงลงทุนในบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เดินหน้าเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินรองรับการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะนำ BGC ก้าวสู่ความเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพรวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน

ศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร

BGC มีความสามารถผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วที่หลากหลาย โดยปัจจุบันแบ่งบรรจุภัณฑ์แก้วที่ผลิตออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ ขวดเบียร์ ขวดเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ ขวดอาหาร ขวดยาและยาฆ่าแมลง และขวดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น เครื่องดื่มที่ให้พลังงาน สุรา ฯลฯ นอกจากนี้ BGC ยังนำเข้าบรรจุภัณฑ์แก้วบางประเภทที่บริษัทฯ ไม่ได้ผลิต และ/หรือมีกำลังผลิตไม่เพียงพอ อาทิ ขวดยา ขวดยาฆ่าแมลง ขวดไวน์ ฯลฯ เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

กรรมการผู้จัดการ BGC กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯ มีจุดแข็งที่เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในประเทศไทย (อ้างอิงจากรายงานของ GlobalData Plc ณ 2 ก.พ.2561) โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 BGC มีบริษัทย่อยที่ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้ว 6 บริษัท มีเตาหลอมแก้วรวมทั้งสิ้น 10 เตา กำลังการผลิตรวม 3,095 ตันต่อวัน และปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วและเตาหลอมแก้วที่จังหวัดราชบุรีอีก 1 เตา คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้ ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 400 ตันต่อวัน รวมเป็นประมาณ 3,495 ตันต่อวัน

ขณะเดียวกัน โรงงานผลิตของบริษัทฯ มีการออกแบบให้สามารถรองรับการผลิตสินค้าในปริมาณมากเพื่อให้ได้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยต่ำและมีความยืดหยุ่นต่อการปรับเปลี่ยนสายการผลิต รวมถึงโรงงานของ BGC มีการกระจายตัวอยู่ในหลายพื้นที่ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เช่น จังหวัดปทุมธานี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอยุธยา จังหวัดปราจีนบุรี และโรงงานแห่งใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ที่จังหวัดราชบุรี เพื่อรองรับการจำหน่ายสินค้าได้ทั่วทุกภาคของประเทศและการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำ การบริหารต้นทุนโลจิสติกส์ และการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้จำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วเพียงรายเดียวให้แก่กลุ่มบุญรอด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มเบียร์และโซดา รายใหญ่ของประเทศไทย

ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าภาพรวมอุตสาหกรรมการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเทรนด์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถนำผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลได้ทั้งหมด และยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีข้อจำกัดในการเข้าแข่งขันสูง (High barrier to entry) เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า BGC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชน (IPO) แล้วเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2561 ที่ผ่านมา

ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 3,472.22 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 694,444,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 5 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 500,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 5 บาท และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 194,444,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 28% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ขยายโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วแห่งใหม่ในจังหวัดราชบุรี พัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพภายในกลุ่มบริษัทฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ