TOP คาดราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ทรงตัวระดับสูง เริ่มฉีดวัคซีนหนุน

HoonSmart.com>> “ไทยออยล์” คาดราคาน้ำมันสัปดาห์นี้แนวโน้มทรงตัวในระดับสูง หลังวคซีนได้รบัการอนุมัติจากรัฐบาลอังกฤษและเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชน คาด WTI เคลื่อนไหวกรอบ 44-49 เหรียญสหรฐัฯ ต่อบารเ์รล ส่วนเบรนท์ 47-52 เหรียญสหรฐัฯ ต่อบารเ์รล

บริษัท ไทยออยล์ มองแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (14 –18 ธ.ค.63) คาดราคาน้ำมันดิบเวสตเ์ทก็ซสัในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 44-49 เหรียญสหรฐัฯ ต่อบารเ์รล ส่วนน้ำมันดิบเบรนทเ์คลื่อนไหวที่กรอบ 47-52เหรียญสหรฐัฯ ต่อบารเ์รล โดยราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech ที่ได้รับการอนุมัติจากรฐับาลอังกฤษ และเริ่มมีการทดลองใช้กับผู้ป่วย

นอกจากนี้ตลาดยังคาดหวังผลการพิจารณาอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (US Food and Drug Administration) คาดว่าจะรู้ผลภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งหากวัคซีนได้รับการอนุมตัจิะเป็นปัจจัยสนบัสนุน ความต้องการใช้น้ำมันที่ได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง อาจทำให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการผลิตมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทำให้มีอุปทานส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้

๐ ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง หลังได้รับแรงหนุนจากผลความคืบหน้าจากการพิจารณาการใช้วัคัซนป้องกันโควดิ-19 โดยในวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษอนุมัติใิหใ้ช้วัคซีนป้องกันัไวรัสโควดิ-19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech เป็นชาติแรก โดยมีการฉีดวัคซีนให้ผู้ป่วยคนแรกแล้วในวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้องจับตาผลข้างเคียงของวัคซีนที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้วัคซีนจำนวน 800,000 โดส จะถูกจัดส่งมายังประเทศอังกฤษในกลางเดือนธ.ค. 63 เพื่อทำการฉีดให้ผู้ป่วยต่อไป ขณะนี้แคนาดาเป็นประเทศล่าสุดที่อนุมัติการใช้วัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป นอกจากนั้นสหรัฐฯ คาดว่าจะมีการพิจารณาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากมีการอนุมัติวัคซีนดังกล่าว จะทำให้บริษัทผลิตวัคซีนสามารถดำเนินการผลิตและขนส่งได้

๐ ท่ามกลางความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงกดดันความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งท าให้หลายประเทศต้องออกมาตราการเพื่อลดการแพร่ระบาด อาทิ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ประกาศมาตรการล็อคดาวน์ในบางพื้นที่ ส่วนเกาหลีใต้เตรียมออกข้อบังคับการรักษาระยะห่างในกรุงโซลและพื้นที่โดยรอบ นอกจากนั้นเยอรมนียืดระยะเวลาล็อคดาวน์ออกไปจากเดิมสิ้นสุด 20 ธ.ค.63 เป็น 10 ม.ค. 64

๐ นักลงทุนกังวลความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังสหรัฐฯเตรียมออกมาตราการคว่ำบาตรด้านการเงินและสินทรัพย์ต่อเจ้าหน้าที่จีนนับสิบราย ซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนและสภาประชาชนแห่งประเทศจีน โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวมีบทบาทในการตัดสิทธินักการเมืองฝ่ายค้านในฮ่องกง

๐ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้น หลังปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นสูงที่ระดับ 2.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบสหรัฐฯ ณ สัปดาห์สิ้นสุด 4 ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 15.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 503.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มกำลังการผลิตร้อยละ 1.7 จากสัปดาห์ก่อนหน้า แสดงถึงความต้องการใช้น้ำมันที่เริ่มฟื้นตัว

๐ Saudi Aramco ปรับเพิ่มราคาประกาศ (Official Selling Price, OSP) เดือน ม.ค. 64 สำรับน้ำมันทุกเกรดที่ขายไปยังทวีปเอเซียราว 0.6 – 0.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.63 แตะระดับ 0.1-0.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นับเป็นราคาประกาศที่อยู่ในแดนบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ Adnoc ที่ปรับเพิ่มราคาประกาศของน้ำมันดิบ Murban สำหรับเดือนม.ค. 64 ราว 0.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แตะระดับ 0.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

๐ การนำเข้าน้ำมันดิบจีนในเดือน พ.ย. 63 ปรับเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 45.36 ล้านตัน หรือราว 11.04 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนต.ค.63 ที่ระดับ 42.56 ล้านตัน โดยการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในระยะเวลา 11 เดือนที่ผ่านมา จีนมีการนำเข้า 503.92 ล้านตัน หรือราว 10.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าร้อยละ 9.5 แสดงถึงความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังการแพร่ระบาดโควิด-19

๐ เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้บริโภคเดือนพ.ย. 63 ของสหราชอาณาจกัร ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อฝ่ายภาคการผลิตและภาคบริการเดือน ธ.ค. 63 ของเยอรมนีสหรัฐฯ และกลุ่มยูโรโซน การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ การประกาศผลการรับรองวคัซนี ป้องกันโควดิ-19 ของ US Food and Drug Administration