HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดลบ 69 จุด ยื่นรับสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลดลง นักลงทุนเกาะติดข้อตกลงการค้าภายใต้ Brexit ระหว่างสหราชอณาจักรกับสหภาพยุโรป ด้าน ECB มีมติคงดอกเบี้ย ขยายโครงการซื้อพันธบัตร ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 10 ธันวาคม 2563 ที่ 29,999.26 จุด ลดลง 69.55 จุด หรือ 0.23% ท่ามกลางการเจรจาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่ยังมีต่อเนื่อง ขณะเดียวกันนักลงทุนวิตกต่อตลาดแรงงานหลังจากการยื่นรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,668.10 จุด ลดลง 4.72 จุด ,-0.13%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,405.81 จุด เพิ่มขึ้น 66.86 จุด, +0.54%
กระทรวงแรงงานเผย การยื่นรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ธันวาคมเพิ่มขึ้น137,000 ราย มาที่ 853,000 ราย จาก 716,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า และสูงกว่า 725,000 ราย และเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่เพิ่มขึ้นไปที่ 800,000 ราย ส่งผลให้การรับสวัสดิการสะสมเพิ่มขึ้น 230,000 รายเป็น 5.76 ล้านรายซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นที่จะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามตลาดปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดหลังจากนายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีคลังเปิดเผยว่า การเจรจาระหว่างพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตมีความคืบหน้าอย่างมากแต่ยังยังมีการเจรจาต่อเนื่อง สอดคล้องกับนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ระบุว่าการเจรจาของทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้ามาก แต่ยังมีประเด็นที่ต้องหารือโดยเฉพาะการช่วยเหลือภาคธุรกิจ
วุฒิสภาสหรัฐจะโหวตมาตรการจัดสรรงบประมาณชั่วคราวแทนกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันที่จะหมดอายุลงในวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐเพื่อให้รัฐบาลสามารถดำเนินงานต่อไปได้ถึงวันที่ 18 ธันวาคมนี้หลังจากเมื่อวันพุธ สภาผู้แทนราษฏรได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว ซึ่งจะทำให้สมาชิกสภามีเวลามากขึ้นในการหารือเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศมาตรการ ตลาดยังคงผันผวนในระยะสั้นไปจนถึงสิ้นปี และจากข้อมูลการยื่นรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกล่าสุดก็คาดว่า จะจำนวนการยื่นรับสวัสดิการว่างงานสะสมจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะสะท้อนถึงสถานการณ์ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลายรัฐต้องกลับมาล็อกดาวน์ ใช้มาตรการระยะห่างทางสังคม ส่งผลมให้ภาคบริการได้รับผลกระทบ
ตลาดยังจับตาการประชุมสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินให้กับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ แต่นักวิเคราะห์บางรายระบุว่า นักลงทุนรับข่าววัคซีนไปแล้ว
ดัชนี S&P กลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นไประดับนิวไฮรอบ 6 เดือน หลังจากราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้นไปเหนือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมีนาคม
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 46.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 50.25ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้น 3.22% หุ้นเอ็กซอนโมบิลเพิ่มขึ้น 2.83%
หุ้น Airbnb แพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ ปิดตลาดในการซื้อขายวันแรก พุ่ง 112.81% ที่ 144.71 ดอลลาร์ สูงกว่าราคา IPO ที่ระดับ 68 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นักลงทุนเกาะติดการเจรจาข้อตกลงการค้าภายใต้ Brexit ระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรป แม้ธนาคารกลางสหภาพยุโรป(ECB)ในการประชุมเมื่อวานนี้มีมติคงดอกเบี้ยและขยายโครงการซื้อพันธบัตร
การเจรจายังไม่มีข้อสรุปในหลายประเด็น รวมทั้งสิทธิการทำประมงและกฎหมายการแข่งขัน
ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% และมีมติขยายวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) เพิ่มอีก 5 แสนล้านยูโร เป็น 1.85 ล้านล้านยูโร รวมทั้งขยายเวลาในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ PEPP จากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือนมิถุนายน2564 ออกไปจนถึงเดือนมีนาคม 2565 หรือจนเห็นว่าวิกฤตการณ์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว
นอกจากนี้ ECB จะเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยจะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน และจะดำเนินโครงการ QE เป็นระยะเวลานานเท่าที่มีความจำเป็น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิด 393.15 จุด ลดลง 1.75 จุด , -0.44%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,599.76 จุด เพิ่มขึ้น 35.47 จุด, +0.54%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ ที่ 5,549.65 จุด เพิ่มขึ้น 2.83 จุด, +0.05%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,295.73 จุด ลดลง 44.53 จุด, -0.33%