HoonSmart.com>> บลจ.ไทยพาณิชย์ โชว์บริหารกองทุนกองอสังหาฯ – โครงสร้างพื้นฐาน งวดไตรมาส 3/63 จ่ายปันผลและลดทุนผู้ถือหน่วยกว่า 3,000 ล้านบาท
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผล กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การบริหารงานสำหรับไตรมาสที่ 3/2563 จากงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เม.ย.– 30 มิ.ย.2563 และหรือกำไรสะสม จำนวน 5 กองทุน และจ่ายลดทุนจำนวน 1 กองทุน รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 3,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การจ่ายปันผลประกอบด้วย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่าจำนวน 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (SIRIP) ลงทุนในกรรมสิทธิ์ในโครงการอาคารสิริภิญโญ จ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.0700 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 25 รวมจ่ายเงินปันผล 3.5731 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2557) กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ลงทุนในอาคารสมัชชาวานิช 2 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารบางนา ทาวเวอร์ ได้กำหนดจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2600 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 38 รวมจ่ายเงินปันผล 9.6688 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2554)
ทั้ง 2 กองทุนกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 1 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) ที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จ่ายปันผลในอัตรา 0.2515 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 32 รวมจ่ายเงินปันผล 7.2761 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2556) โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 3 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงงานและคลังสินค้า จำนวน 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) ลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าบริเวณเขตพื้นที่ EEC (โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) ซึ่งในไตรมาส 3 ปี 2563 มีผลประกอบการที่มั่นคงต่อเนื่อง อีกทั้งราคาของหุ้นของกองทุนค่อนข้างมีเสถียรภาพไม่ผันผวนมากตามตลาด โดยจ่ายปันผลในอัตรา 0.1750 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 25 รวมจ่ายเงินปันผล 4.7187 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ย.2557) กำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 1 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา
กองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ที่ยังคงมีผลประกอบการที่ดีสม่ำเสมอต่อเนื่องและเป็นไปตามที่กองทุนคาดการณ์ไว้ เนื่องจากรายได้หลักของกองทุนมาจากสัญญาให้เช่าทรัพย์สินระยะยาวตามที่กองทุนมีสัญญาไว้กับกลุ่มบริษัททรูผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ ซึ่งกลุ่มบริษัททรูมีการชำระค่าเช่าให้กองทุนครบถ้วนตรงเวลา ส่งผลให้กองทุนพิจารณาจ่ายปันผลในอัตรา 0.2610 บาทต่อหน่วยติดต่อกัน 4 ไตรมาส การจ่ายปันผลครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 27 รวมจ่ายปันผล 6.6474 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557) โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 4 ธ.ค.2563 นี้
พร้อมกันนี้ได้จ่ายเงินลดทุนจำนวน 1 กองทุน เป็นกองทุนอสังหาฯ ประเภทโรงแรม ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ที่ลงทุนในโรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา เป็นการจ่ายเงินลดทุนในอัตรา 0.0823 บาทต่อหน่วย เพื่อเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกินจากกรณีที่กองทุนมีการรับรู้รายการการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงเนื่องจากการลดลงของราคาการสอบทานค่าทรัพย์สิน ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ได้มีกระแสเงินสดจ่ายออกไปจริง
“จากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ที่กระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนและธุรกิจทุกภาคส่วน ซึ่งไม่เพียงแต่ในประเทศไทยแต่ได้กระทบไปทั่วโลกด้วยนั้น หลายประเทศต่างก็ได้ออกมาตรการป้องกันออกมาอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการปิดน่านฟ้าซึ่งมีผลกระทบหลักต่อการท่องเที่ยว และอาจจะเป็นเช่นนี้ต่อไปจนกว่าจะมีนำวัคซีนป้องกัน COVID-19 มาใช้ได้จริง ดังนั้น ผู้บริหารกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและกองทรัสต์ ซึ่งเป็นผู้กำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ จำเป็นต้องพิจารณาภาพโดยรวมของผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวของสถานการณ์โรคระบาดต่อผลการดำเนินงานทางการเงิน สภาพคล่อง การดูแลให้ความมั่นใจแก่ลูกค้า ผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงข้อกำหนดตามสัญญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กองทุนฯ และกองทรัสต์ สามารถแก้ไขและผ่านพ้นปัญหาได้อย่างยั่งยืน” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว