HoonSmart.com>> “ศักดิ์สยามลิสซิ่ง” เข้าเทรดวันแรก ได้รับการตอบรับดีมาก เปิด 7.05 บาท เหนือจอง 90.54% จากราคา IPO ที่ 3.70 บาท ปิดที่จุดสูงสุดที่ 8.20 บาท วอลุ่มแน่น 4,750 ล้านบาท คาดพอร์ตสินเชื่อปี 64 แตะ 8.4 พันล้านบาท ปีนี้คาดทำได้ 6.4-6.5 พันล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่เพิ่ม 10-11% NPLs ลดลง มั่นใจทำได้ตามแผน 3 ปีโต 100% ลุยขยายปีละ 200 สาขา
หุ้นบริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 8 ธ.ค.นี้ เปิดที่ราคา 7.05 บาท เพิ่มขึ้น 3.35 บาท หรือ 90.54% จากราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่หุ้นละ 3.70 บาท และปิดที่ระดับสูงสุด 8.20 บาท แจกกำไรถึง 121.62% ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 4,750.89 ล้านบาท
น.ส.พันทิตา แซ่เอ็ง รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจวาณิชธนกิจ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นของบริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง เปิดเผยว่า ราคาหุ้นในวันนี้ที่เปิดสูง เพิ่มขึ้น 3.35 บาท หรือ 90.54% จากราคาเสนอขาย IPO ที่ 3.70 บาท กระแสตอบรับดีและสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเข้าใจในพื้นฐานของบริษัท
“เราเชื่อว่าศักยภาพของ SAK ยังมีอีกมาก หลังจากได้เงินระดม 2,020 ล้านบาท ส่งผลให้ SAK เติบโตได้ดียิ่งขึ้น หลังจาก IPO จะส่งผลให้ D/E เหลือต่ำกว่า 1 เท่า มีขีดสามารถในการระดมหาเงินทุน เพื่อปล่อยสินเชื่อได้มากยิ่งขึ้น เรามั่นใจในหุ้น SAK กลุ่มนอนแบงก์ ผลการดำเนินงาน ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าสามารถมีการเติบโตที่ดี บวกกับพื้นฐานและศักยภาพความแข็งแกร่งของบริษัท” น.ส.พันทิตา กล่าว
ด้านนายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความพอใจกับราคาหุ้นที่เปิดการซื้อขาย ตั้งเป้าสร้างการเติบโตในทุกมิติภายใน 3 ปีข้างหน้าภายในปี 2566 พอร์ตสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท คาดว่าปี 2564 จะมีพอร์ตสินเชื่อแตะ 8,400 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากการขยายสาขาปีละ 200 สาขา และขยายพอร์ตสินเชื่อตามแผนการใช้เงินจาก IPO มูลค่า 2,020.20 ล้านบาท จะให้บรรลุตามแผนที่วางไว้ รวมถึงการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและยกระดับการให้บริการสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว โดยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก และควบคุมความเสี่ยงเรื่องคุณภาพของสินเชื่ออีกด้วย
ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีพอร์ตสินเชื่อประมาณ 6,400-6,500 ล้านบาท จาก 9 เดือนที่ผ่านมา ทำได้ 6,300 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ประมาณ 2.6% และคาดว่าสิ้นปีนี้จะลดลงเหลือ 2-2.5% รวมถึงคาดว่าจะมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 63 เพิ่มขึ้นประมาณ 10-11% สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี
“ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ SAK คือ ลูกค้ารายย่อยที่เป็นฐานรากของเศรษฐกิจ โอกาสการเติบโตของตลาดสินเชื่อรายย่อยยังมีอีกมาก ภายหลังความสำเร็จจากการระดมทุน IPO ทำให้ SAK มีแหล่งเงินทุนและมี D/E ต่ำ วันนี้ SAK พร้อมขยายธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกมิติ เรามั่นใจว่าโควิด-19 ในรอบที่ 2 จะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าจะกลับมาเป็นบวกได้ ทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นกลับมาคึกคักมากขึ้น และราคาพืชผล การส่งออกจะดีขึ้น ทำให้ชาวบ้านที่เป็นลูกค้าหลักของเรา จะกลับมาลงทุนมากขึ้น” นายศิวพงศ์ กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำมาใช้ในขยายธุรกิจการให้สินเชื่อส่วนบุคคล ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชำระคืนเงินกู้บางส่วนให้กับสถาบันการเงิน และใช้พัฒนาระบบงานการให้บริการสินเชื่อของบริษัท ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจและความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ SAK เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับระดับประเทศ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทในทุกระดับ รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจของประเทศ
นักวิเคราะห์ให้ราคาเหมาะสมระหว่าง 4.50-4.66 บาทต่อหุ้น บริษัทตั้งเป้าหมาย 3 ปี ข้างหน้าพอร์ตสินเชื่อและสาขาเติบโต 100%