PDI ซื้อ 2 โรงแรมใหม่ระดับโลก โกยรายได้ทันที ขายโซลาร์ฟาร์ม

HoonSmart.com>>บอร์ดผาแดงอินดัสทรีฯ ไฟเขียวปรับโมเดลธุรกิจ เดินหน้าโรงแรมเต็มตัว อนุมัติซื้อหุ้น 51% ในโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ อนุมัติขายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 36.4 เมกะวัตต์ ให้บริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ 1,705 ล้านบาท ส่วน 13  เมกะวัตต์ในประเทศญี่ปุ่น กำลังหาผู้ซื้อรายใหม่

ทอมมี่ เตชะอุบล

นายทอมมี่ เตชะอุบล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี (PDI) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด)ได้อนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อกิจการโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท โดย PDI จะเข้าถือหุ้น 51% ในบริษัท Urban Resort Hotel (FSH) และบริษัท Waterfront Hotel จำกัด (CPH) จากบริษัท แลนด์มาร์ค โฮลดิ้งส์ (LH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD) มูลค่าเงินลงทุนรวม 2,805 ล้านบาท

ปัจจุบันโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ฯ มีห้องพักจำนวน 299 ห้อง และโรงแรมคาเพลลาฯ มีห้องพักและวิลล่าจำนวน 101 ห้อง ซึ่งโรงแรมทั้งสองแห่งเพิ่งเปิดดำเนินการ และตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 35 ไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาผืนสุดท้ายและเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ โดยเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญแหล่งหนึ่งของประเทศ  การซื้อกิจการครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้เงินทุนที่มีอยู่และจัดสรรไว้สำหรับการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและการบริการ

“นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับ PDI ในการเข้าซื้อโรงแรมระดับโลกพร้อมกันสองแห่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันทีและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมากในอนาคต ซึ่งการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้ PDI ก้าวเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมและการบริการอย่างเต็มตัว หลังจากบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินบนถนนสาธรเพื่อสร้างโรงแรมแห่งแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา  มีเป้าหมายที่จะพัฒนาเป็นโรงแรมระดับหรูที่มีห้องพักจำนวน 209 ห้อง คาดว่าจะสร้างให้แล้วเสร็จภายในปี 2566 มีมูลค่าโครงการประมาณ 1,500 ล้านบาท” นายทอมมี่กล่าว

ทั้งนี้ หากโรงแรมทั้งสองแห่งเปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2564 เป็นปีแรก บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้รวมสูงกว่ารายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นรวม 50 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ธุรกิจโรงแรมและการบริการเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในรอบหลายทศวรรษจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19  บริษัทมองเห็นโอกาสในการลงทุน  โดยจะมุ่งเน้นการเข้าซื้อกิจการที่สามารถสร้างรายได้ได้ทันที และให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในระยะยาวเมื่อธุรกิจโรงแรมและบริการฟื้นตัว ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ของบริษัทฯ

นอกจากนี้บริษัท ยังได้เตรียมเงินลงทุนเพิ่มเติมผ่านการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ซึ่งรวมถึงที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมสังกะสีเดิม ตลอดจนแผนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิม  นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้อนุมัติแผนการขายหุ้นทั้งหมดของบริษัทที่ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซล่าร์ฟาร์มในประเทศไทยกำลังการผลิตรวม 36.4 เมกะวัตต์ ซึ่งถือหุ้นโดยบริษัทย่อยของบริษัท พีดีไอ เอ็นเนอร์ยี   ให้กับบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) มูลค่า 1,705 ล้านบาท และจะพิจารณาหาผู้ลงทุนซื้อโรงไฟฟ้าโซล่าร์ฟาร์มอีก 13 เมกะวัตต์ในประเทศญี่ปุ่นต่อไป บริษัทคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและดำเนินธุรกรรมดังกล่าวทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564