บลจ.กรุงไทย คลอดกองทุนใหม่ “ไดนามิคไฮอินคัมฟันด์” IPO ถึง 25ก.ค.นี้ ชูลงทุนสินทรัพย์เข้าถึงยากเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนดี ท่ามกลางตลาดหุ้นผันผวน
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่ต้นปี ตลาดเงินและตลาดทุน มีความเสี่ยง และความผันผวนในทุกๆประเภทสินทรัพย์ที่สูงขึ้น และตลาดอาจจะต้องเผชิญความผันผวนนี้ต่อไป จากปัจจัยหลายๆ ด้าน เช่น สงครามการค้า Trade War และราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ในปัจจุบันแม้ตลาดจะมองว่า เป็นช่วงของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ยังคงอยู่ในช่วงที่ดอกเบี้ยจากตราสารหนี้ทั่วไป ยังอยู่ในระดับที่ต่ำไปอีกในระยะยาว ทำให้บริษัทมองว่ากลยุทธ์หรือการลงทุนแบบใด ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนที่พอจะรับความเสี่ยงได้สูงขึ้น จากการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไปและมีการควบคุมความเสี่ยงให้ไม่สูงจนเกินไป
บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดเคแทม ไดนามิค ไฮ อินคัม ฟันด์ (KT-DHINCOME-A) โดยเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 25 ก.ค.2561 เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุรวมหลัก BGF Dynamic High Income Fund เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยกองทุนรวมหลักมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างกระแสรายได้ให้กับนักลงทุน ผ่านแหล่งที่มารายได้ที่หลากหลายจากหลายประเภทสินทรัพย์ เช่นตราสารหนี้รัฐบาล ตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่เป็นได้ทั้งอัตราดอกเบี้ยคงที่และลอยตัว ที่ได้รับจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment grade , sub-investment grade หรือ unrated รวมถึงการใช้กลยุทธ์ Covered call option และหุ้นบุริมสิทธิ
การจัดสัดส่วนการลงทุน กองทุนจะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ส่วนเสริม ที่ยากต่อการเข้าถึง ของนักลงทุนทั่วไป ประมาณ 70-100% ประกอบด้วย กลยุทธ์ขายสิทธิที่จะซื้อหุ้น (Covered Call) เพื่อเพิ่มรายได้, กองทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก, หุ้นบุริมสิทธิ์สำหรับนักลงทุนสถาบัน, เงินกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว, ตราสารที่มีสินเชื่ออสังหาฯ เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ออกโดยภาคเอกชน (Non-Agency MBS) และตราสารที่มีสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (CMBS) ในส่วนที่เหลือไม่เกิน 30% จะไปลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น หุ้นปันผลทั่วโลก พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ High Yield ทั่วโลก ตราสารหนี้ภาคเอกชนระดับ Investment Grade และตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่
ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นการบริหารเพื่อเพิ่ม แหล่งที่มาของรายได้ที่สูง และสม่ำเสมอ โดยมุ่งสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวก ด้วยการบริหารพอร์ตลงทุนแบบยืดหยุ่นในการปรับตัวตามสภาวะตลาด รวมถึงค้นหาหลักทรัพย์จากกลุ่มตลาดที่นักลงทุนทั่วไปเข้าถึงได้ยาก ซึ่งเป้าหมายอัตรารายได้ของกองทุน อยู่ที่ประมาณ 6-8% ต่อปี นอกจากนี้ การบริหารความเสี่ยง นับเป็นกลยุทธ์หลักของ Dynamic High Income ที่จะช่วยให้ผู้จัดการกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนควบคู่ไปกับการควบคุมความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ โดยเป็นความเสี่ยงที่ใกล้เคียงหรือต่ำกว่าพอร์ตการลงทุนที่มีตราสารทุน 70% และตราสารหนี้ 30%
กองทุนดังกล่าวน่าจะตอบโจทย์ ได้เหมาะสมสภาวะกับตลาดในปัจจุบัน ที่มีกลยุทธ์การลงทุนเน้นไปในสินทรัพย์ ที่มีการจ่ายปันผลและดอกเบี้ยรับที่สูง รวมถึงการหาผลตอบแทนส่วนเพิ่ม ให้ได้มากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์แบบเดิมๆ
สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าได้เข้าดูแลตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้เงินบาทผันผวนเกินไป ซึ่งช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้างแต่ไม่สามารถฝืนกระแสตลาดโลกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงท้ายของไตรมาสสอง การอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วของเงินหยวนฉุดสกุลเงินเอเชียรวมถึงเงินบาทอ่อนค่าตามไปด้วย
ขณะที่ตลาดเตรียมตัวรับผลกระทบจากมาตรการทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน โดยที่ตลาดแทบไม่ตอบรับตัวเลขการส่งออกของจีนที่ดีเกินคาด แต่ยอดเกินดุลการค้าของจีนที่มีต่อสหรัฐฯ สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือน มิ.ย. กลับทำให้นักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์อาจตึงเครียดต่อไป และแม้กระทั่งเงินเยนกำลังสูญเสียสถานะแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยในระยะนี้เช่นกัน