AECS แนะเก็งกำไรหุ้นแบงก์งบ Q2 เด่น TCAP-BAY

บล.เออีซี มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ลุ้นฟื้นช่วงสั้น เหตุปัจจัยลบรอวันประทุความรุนแรงทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน พร้อมจับตาประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐ-รัสเซีย แทรกแซงสงครามกลาง และ 17 ก.ค. เฟดแถลงตัวเลขเศรษฐกิจครึ่งปีแรกคาดตัวเลขสดใส แต่กังวลครึ่งปีหลังชะลอตัว แนะลงทุนหุ้นแบงก์งบไตรมาส 2/61 ชู TCAP-BAY เด่น

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี (AECS) ประเมินทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (16-20 ก.ค.) มีแนวโน้มฟื้นตัว ให้กรอบดัชนี 1,665 – 1,680 จุด เนื่องจากนักลงทุนได้ซึมซับปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก ไปพอสมควรแล้ว

อย่างไรก็ตามการการปรับตัวของดัชนียังคงอยู่ในกรอบจำกัด จากแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ อาทิ ความเป็นไปได้ในการกลับมาเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังมาตรการภาษีรอบแรก 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์เริ่มมีผลบังใช้ โดยคืนวันพฤหหัสฯ รัฐมนตรีพาณิชย์จีนออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ กลับมาร่วมแก้ปัญหาด้วยการเจรจาแบบทวิภาคีอีกครั้ง แต่ด้วยเงื่อนไขที่เข้มงวดของสหรัฐฯ (ต้องการให้จีนเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ และยกเลิกการสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยี)

ล่าสุดตัวเลขดุลการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางเพิ่มขึ้น ทำให้มองว่าเร็วเกินไปที่จะผ่อนคลายจากประเด็นดังกล่าว รวมทั้งการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ-รัสเซีย โดยมีหัวข้อพูดคุยหลักเกี่ยวกับการแทรกแซงสงครามกลางเมืองในซีเรียและยูเครนที่อาจสร้างความเสี่ยงด้าน Geopolitical ให้สูงขึ้น และการประชุมดังกล่าวยังถูกจับตาโดยอัยการพิเศษสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนการแทรกแซงของรัสเซียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2559 และการแถลงนโยบายการเงินและภาวะ ศก. รอบครึ่งปีของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในวันที่ 17 ก.ค. นี้ แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีทิศทางขยายตัวแข็งแกร่งในครึ่งปีแรก แต่มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังจะชะลอตัวจากปัญหาด้านการค้าที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะกระทบต่อแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้

กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ดังนี้ 1) หุ้นธนาคารพาณิชย์ ที่คาดกำไรโตหรือราคาหุ้นยัง Laggard โดยมี PBV ต่ำ เช่น KBANK, BBL, KKP 2) หุ้น Domestic Play ที่คาดช่วงไตรมาส 2/2561 กำไรยังมีแนวโน้มโตดีเมื่อเทียบจากปีก่อน เช่น CPALL, BJC, MC, HMPRO, BDMS, JKN, LH, SPA และ 3) หุ้นที่จ่ายปันผล(Div. Yield) สูงเกินปีละ 5% เช่น KKP, TTW, MC, SMPC

ส่วนในทางเทคนิคแนะนำ นักเก็งกำไร กรณีมีหุ้น ถือต่อ กรณีไม่มีหุ้น ซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวบริเวณแนวรับ 1,630 จุด และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,665-1,680 จุด ทั้งนี้ตั้ง Stop Loss เมื่อดัชนีวกต่ำกว่า 1,620 จุด สำหรับนักลงทุนระยะกลางยังเน้นการถือเงินสดต่อ เนื่องจากมองการรีบาวด์ของดัชนีเป็นเพียงการดีดตัวในแนวโน้มขาลงเท่านั้น กลุ่มที่คาด Outperform สัปดาห์นี้ เลือกกลุ่ม ธนาคาร (BANK) ได้แก่ TCAP คาดหวังรีบาวด์แนวต้าน 52.50 บ. Stop Loss หากหลุด 47.25 บาท และ BAY คาดหวังรีบาวด์แนวต้าน 42.25 บาท ทั้งนี้ Stop Loss หากหลุด 38.25 บาท