ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 94 จุด หลังนักลงทุนคลายกังวลเรื่องสงครามการค้า และหุ้นพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่หุ้นธนาคารกลับมีแรงเทขายจากผลกำไรที่ออกมามีทั้งดีขึ้นและลดลงกว่าที่คาดการณ์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 13 ก.ค.ที่ 25,019.41 จุด เพิ่มขึ้น 94.52 จุด หรือ 0.38% กลับมายืนเหนือระดับ 25,000 จุดได้อีกครั้งนับตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมหลังจากความกังวลต่อสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐลดลง และการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวสูงขึ้นหลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นกว่า 1% ไม่สามารถต้านแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารหลังประกาศผลประกอบการแบบผสมได้
เดือนมิ.ย.การเกินดุลการค้าของจีนที่มีต่อสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากส่งออกเติบโตแข็งแกร่ง ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยทำให้ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนขยายวง แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐสตีเว่น มนูชินกล่าวว่า สหรัฐอาจจะเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่กับจีน หากจีนยอมเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข
ธนาคารใหญ่สามรายของสหรัฐประกาศผลการดำเนินงานรายไตรมาสมีทั้งดีกว่าคาดและแย่กว่าคาดการณ์ โดย หุ้นเจพี มอร์แกน เชสลดลง 0.5% หลังจากรายงานกำไรไตรมาสสอง 8.32 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 18% มีกำไรต่อหุ้นที่ 2.29 ดอลลาร์สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ 7 เซนต์
หุ้นซิตี้กรุ๊ปลดลง 2.2% หลังรายงานผลกำไร 4.49 พันล้านดอลลาร์ ดีกว่าคาดแต่มีรายได้ 1.8469 พันดอลลาร์ต่ำกว่า 1.8512 พันล้านดอลลาร์ที่คาดมีกำไรต่อหุ้น 1.63 ดอลลาร์
หุ้นเวลล์ฟาร์โกลดลง 1.2 % หลังประกาศรายได้และกำไรแย่กว่าที่คาดการณ์เพราะสินเชื่อชะลอตัวและต้นทุนเพิ่มขึ้นรวมทั้งมีภาระภาษี 481 ล้านดอลลาร์ โดยมีกำไรต่อหุ้น 98 เซนต์ต่ำกว่า 1.12 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากกำไร 5.19 พันล้านดอลลาร์ต่ำกว่า 5.86 พันล้านดอลลาร์ระยะเดียวกันของปีก่อน
หุ้นเฟซบุ๊คเพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 1.2% และหุ้นอเมซอนเพิ่มขึ้น 0.9%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวสูงขึ้นหลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นกว่า 1% โดยหุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้น หุ้นเอ็กซอนโมบิลเพิ่มขึ้น
ดัชนี S&P 500 ปิดที่เหนือระดับ 2,800 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. หลังจากหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นทำสถิติใหม่
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,801.31 จุด เพิ่มขึ้น 3.02 จุด ,+0.11%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,825.98 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด,+0.03 %
ทางด้านตลาดยุโรปปิดบวกเล็กน้อย นักลงทุนขานรับข่าวผลประกอบการของบริษัทสหรัฐ และจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐปรับตัวขึ้นทำสถิติใหม่
ตลาดลอนดอนขยับเล็กน้อยจากความคาดการณ์ว่าค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าเมื่อเทียบเงินดอลลาร์หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปอังกฤษว่า แผน Brexit ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ อาจจะกระทบความสัมพันธ์ด้านการค้ากับสหรัฐนั้น จะส่งผลดีกับผลประกอบการของบริษัทที่มีธุรกิจในต่างประเทศ
ค่าเงินปอนด์อยู่ที่ 1.3216 ต่อดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,661.87 จุด เพิ่มขึ้น 10.54 จุด,+0.14 %
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 385.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.66 จุด, +0.17%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,429.20 จุด เพิ่มขึ้น 23.30 จุด,+0.43 %
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,540.73 จุด เพิ่มขึ้น 47.76 จุด,+0.38 %
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 68 เซนต์ ปิดที่ 71.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 88 เซนต์ ปิดที่ 75.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล