BCAP ตอกย้ำผู้นำ ETF เปิดตัว 5 ดัชนีอัจฉริยะ 5 สไตล์ลงทุน

บลจ.บางกอกแคปปิตอล เปิดตัวดัชนีอัจฉริยะของตลาดหุ้นไทยรายแรกของไทย “5 ดัชนี 5 สไตล์การลงทุน” ผ่านกองทุน ETF จำนวน 5 กองทุน ทยอยออกเดือนพ.ค.นี้ พร้อมเล็งออกดัชนี 10 อุตสาหกรรมในปีหน้า เพิ่มทางเลือกลงทุน

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล (BCAP) เปิดเผย บริษัทฯ ได้จัดทำดัชนีการลงทุนอัจฉริยะของตลาดหุ้นไทย (BCAP Smart Index Series) จำนวน 5 ดัชนี โดยให้ S&P Dow Jones Indices ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดทำดัชนีชั้นนำของโลก เป็นผู้คำนวณและเผยแพร่ดัชนีดังกล่าว โดยบริษัทฯ จะทยอยออกกองทุน ETF จำนวน 5 กองทุน เพื่อลงทุนตามดัชนีดังกล่าว ภายในเดือนพ.ค.นี้

สำหรับดัชนีการลงทุนอัจฉริยะมีทั้งหมด 5 ดัชนี ได้แก่ 1.ดัชนี BCAP Value Investing Index (BVALUE) กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ Value Investing มาใช้เลือกหุ้นที่มีลักษณะดังกล่าว 2. ดัชนี BCAP Smart Momentum Index (BMOMENT) เลือกหุ้นที่ราคาอยู่ในขาขึ้นและมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่คัดกรองเฉพาะหุ้นที่ราคาไม่ได้ปรับตัวจนราคาสูงมากเกินหรือมีการใช้การกู้ยืมเงินที่ไม่ระมัดระวัง

3. ดัชนี BCAP Quality Growth Index (BQLITY) ลงทุนในหุ้นที่มีโครงสร้างรายได้มั่นคง และมีการรับรู้รายได้ที่โปร่งใสตลอดจนมีแนวโน้มการเติบโตและการลงทุนที่ดี 4.ดัชนี BCAP Selective Dividend Index (BDIV) ลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ และมีแนวโน้มจะจ่ายปันผลดีในระยะยาว โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของราคาและความเสี่ยงทางการเงินประกอบการคัดเลือกและ 5.ดัชนี BCAP Enhanced Low Vol Index (BLOVOL) ลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ หรือมีผลในการลดความเสี่ยงโดยรวมของการลงทุน โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของราคาและความเสี่ยงทางการเงินประกอบการ คัดเลือก

“ปัจจุบันบริษัทฯ มีกองทุน ETF ที่ลงทุนตามดัชนีที่ครอบคลุมบริษัทไทยทั้งขนาดใหญ่กลางและเล็กที่มีสภาพคล่องสูงสุดทุกตัวในประเทศไทย ทำให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นมาเป็นมาเป็นผู้นำตลาด ETF ในประเทศไทย”นางเมธ์วดี กล่าว


ดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร หัวหน้าสายงานจัดการกองทุน บลจ. BCAP กล่าวว่า ดัชนีที่สร้างขึ้นมานี้จะมีหลักทรัพย์ประมาณ 30-40 ตัว โดยไม่จำกัดเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ หากหุ้นมีสภาพคล่องเพียงพอแม้เป็นหุ้นขนาดกลางและเล็กก็ลงทุนได้ รวมทั้งจะปรับพอร์ตและน้ำหนักการลงทุนในหุ้นทุกเดือน

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในปีนี้มองว่ายังคงมีความผันผวน ในขณะที่ดัชนีการลงทุนอัจฉริยะทั้ง 5 ตัวนี้ถูกออกแบบเพื่อที่จะเอาชนะดัชนีตลาดในการลงทุนระยะยาว แต่ในระยะสั้นจะมีผลตอบแทนที่แตกต่างกันตามสภาวะตลาด ดังนั้นบริษัทฯแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตหุ้นไทยที่มีการกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการถือ ETF BMSCITH และ BSET100 เป็นส่วนหลัก (Core Portfolio) และ ETF ที่เหลือทั้งหมดเป็นส่วนเสริมโอกาสการลงทุน โดยมีการปรับการถือครองโดยการซื้อขาย ETF เหล่านี้ตามความเหมาะสมของสภาวะตลาดทำให้สามารถปรับพอร์ตให้ตอบสนองต่อสภาวะต่างๆ ในการลงทุนโดยไม่ต้องยุ่งยากในการเลือกหุ้นรายตัว

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนออกดัชนี 10 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้ บริษัทสามารถเสนอผลิตภัณฑ์กองทุน ETF ได้หลายหลายมากขึ้น