HoonSmart.com>>8 บริษัทไทยครองตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมของโลกของสมาชิกดัชนีความยั่งยืน (DJSI) ส่วนบริษัทที่เข้ากลุ่มดัชนีโลกมี 12 บริษัท และในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ดีขึ้น มี 22 บริษัท เพิ่ม 2 บริษัท คือ SCC,EGCO โดยบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร ได้รับเลือกเป็นสมาชิกอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 กลุ่มปตท.เข้ารอบครบ 5 บริษัท สะท้อนความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม
วันที่ 13 พ.ย. 2563 บริษัทสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ประกาศผลบริษัทที่ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ประจำปี 2563
บริษัทไทยที่ได้รับการเลือกให้เป็นผู้นำอุตสาหกรรมของโลกมีจำนวน 8 บริษัทได้แก่ 1. ไทยเบฟเวอเรจ (Thaibev) เป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม 2.บริษัท บ้านปู (BANPU) ผู้นำในอุตสาหกรรมถ่านหินและเชื้อเพลิง 3.บริษัท ไทยออยล์ (TOP) ผู้นำอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันและก๊าซและการตลาด 4.บริษัท ปตท (PTT) อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซขั้นต้นและธุรกิจครบวงจร 5.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เป็นผู้นำอุตสาหกรรมสื่อสารและโทรคมนาคม 6.บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) กลุ่มเคมีภัณฑ์ 7.บริษัทปูนซิเมนต์ไทย(SCC) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และ 8.บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) กลุ่มขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานขนส่ง
สำหรับบริษัทไทยที่ได้รับการประเมินให้อยู่ในกลุ่มดัชนีโลก ( DJSI World) ของไทยมี 12 บริษัท เท่ากับปีก่อน ได้แก่ 1. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) 2.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) 3.บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.(PTTEP) 4. บริษัท ปตท. 5.บริษัท ซีพี ออลล์ (CPALL) 6.บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ 7. บริษัท อินโดรามาเวนเจอร์ส(IVL) 8.บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) 9. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCG) 10. บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) 11.บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC) และ 12.บริษัทท่าอากาศยานไทย(AOT)
บริษัทในกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets สำหรับตลาดเกิดใหม่ บริษัทไทยได้รับเลือกเป็นสมาชิกมีจำนวน 22 บริษัท เพิ่มขึ้น 2 บริษัทจากปีก่อน โดยรายใหม่ที่เข้ามา คือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCG) และ บริษัทผลิตไฟฟ้า(EGCO) ส่วน 20 บริษัทได้รับเลือกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่1.ธนาคารกสิกรไทย 2.ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) 4.บริษัทบ้านปู 5.บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) 6.บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 7. บริษัท ปตท. 8.บริษัท ไทยออยล์ 9. บริษัทซีพี ออลล์ 10.บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) 11.บริษัทไทยเบฟเวอเรจ 12.บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป(TU) 13.บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส 14.บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล 15. บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา 16.บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) 17.บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 18.บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น 19.บริษัทท่าอากาศยานไทย 20. บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) 21.
ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (PTT) เปิดเผยว่า บริษัทปตท. ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI ประจำปี 2563 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ในกลุ่มดัชนีโลก และดัชนีตลาดเกิดใหม่ โดยได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้นำในกลุ่ม อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซขั้นต้นและธุรกิจครบวงจร หรือOil & Gas Upstream & Integrated (OGX) นำมาซึ่งความภาคภูมิใจขององค์กรและประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก สะท้อนความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการท่ามกลางช่วงเวลาที่ท้าทาย และการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของ ปตท. ตามแนวคิด “Powering Thailand’s Transformation” ในการสร้างความเข้มแข็งด้านพลังงานพร้อมยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และมุ่งพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อพัฒนาสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม ปตท. ประกอบด้วย บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม บริษัท ไทยออยล์ บริษัท ไออาร์พีซี และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ยังผ่านการประเมินเป็นสมาชิก DJSI ต่อเนื่องครบทุกบริษัท โดย บริษัทไทยออยล์ ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้นำอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันและก๊าซ และ บริษัทพีทีที โกลบอล เคมิคอล เป็นผู้นำกลุ่มเคมีภัณฑ์ อีกด้วย
ทั้งนี้ DJSI จัดทำขึ้นด้วยความร่วมมือของ S&P Global และ SAM ถือเป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน รวมถึงการสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้เสีย
ด้านนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร กล่าวว่า CPF ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก DJSI อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เป็นการตอกย้ำการดำเนินงานของบริษัทฯด้วยความรับผิดชอบ จากการบริหารจัดการกระบวนผลิตอาหารปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิตและใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมสร้างความมั่นคงทางอาหาร
ในปีนี้ CPF มีความโดดเด่นในหลายด้าน เช่น การเคารพสิทธิมนุษยชน (Human Rights) สุขภาพและโภชนาการ (Health & Nutrition) และการบริหารจัดการนวัตกรรม (Innovation Management) เป็นต้น โดยในเรื่องสิทธิมนุษยชน บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจประเมิน (Due Diligence Process) เป็นประจำทุก 3 ปี ประกอบด้วยกระบวนการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน การบริหารจัดการความเสี่ยง การติดตามและรายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครอบคลุมทุกสายธุรกิจในกิจการประเทศไทย ตลอดจนการคิดค้นและพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการ ถือเป็นหัวใจในการผลิตอาหารมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน มากกว่า 30% ของผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นสุขโภชนาการ สุขภาพและสุขภาวะที่ดี
“การได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เป็นเครื่องยืนยันว่ามาตรฐานการพัฒนาด้านความยั่งยืนของบริษัทเทียบเท่ามาตรฐานระดับโลกและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และยังเป็นปัจจัยส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายประสิทธิ์ กล่าว
บริษัทมีการวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ความยั่งยืนระยะยาวในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์สู่ความยั่งยืน 3 เสาหลัก ประกอบด้วย อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน ดินน้ำป่าคงอยู่ สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs) อย่างต่อเนื่อง
ในภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น สังคมวิถีปกติใหม่ (New Normal) และการเข้าสู่สังคมดิจิทัล นายประสิทธิ์ กล่าวว่า ซีพีเอฟ ได้ดำเนินการตามกลยุทธ์ความยั่งยืนด้วยการส่งมอบอาหารปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ สามารถเข้าถึงได้ ให้กับคนในสังคมทุกระดับไม่เฉพาะในประเทศไทยแต่ยังรวมถึงประเทศที่ ซีพีเอฟ เข้าไปลงทุนอีก 16 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกันยังได้ยกระดับมาตรการป้องกันโรคในระดับสูงสุด เพื่อดูแลสุขภาพพนักงานทุกคนให้ปลอดภัยจากโรคระบาด
“การดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ ของ CPF เป็นส่วนสำคัญในการนำพาความภาคภูมิใจและกำลังใจให้กับพนักงานของบริษัททุกคนที่ได้ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อประโยชน์ส่วนรวมแก่ประเทศชาติและสังคม” นายประสิทธิ์ กล่าว
บริษัท ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนและร่วมสร้างสมดุลของสิ่งแวดล้อม เป็นส่วนสำคัญในการช่วยโลกของเราให้ยั่งยืน
DJSI เป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก จัดทำขึ้นโดย S&P Global โดยเชิญบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ทั่วโลกกว่า 3,500 แห่งใน 61 กลุ่มอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ครอบคลุม 3 มิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และเป็นดัชนีที่นักลงทุนทั่วโลกใช้ประกอบในการตัดสินใจลงทุน