RT พร้อมเทรด มั่นใจพ้นจอง โชว์งบ 9 เดือน รายได้-กำไร นิวไฮ

HoonSmart.com>>”ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง” มั่นใจหุ้นเข้าซื้อขายใน SET วันแรก 12 พ.ย.นี้ ราคาเหนือจอง ชูพื้นฐานแกร่ง ผลงาน 9 เดือนปีนี้ รายได้-กำไรนิวไฮ แจกปันผลดี Backlog 4,200 ล้านบาททยอยรับรู้ ลั่นไตรมาส 4 นิวไฮต่อ ช่วงไฮซีซั่นงานก่อสร้าง จ่อตุนงานใหม่ ปีหน้ารับงานต่างประเทศเพิ่มขึ้น

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง (RT) เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจว่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนนิติบุคคล รายย่อย และนักลงทุนสถาบัน ด้วยจุดเด่นที่เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค ที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีมูลค่างานสูง และใช้ความชำนาญพิเศษ ปัจจุบันมีผู้รับเหมาจำนวนน้อยรายที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะนี้ โดยบริษัทจ่ายเงินปันผลในอัตรา 40% ของกำไรสุทธิ

แนวโน้มบริษัทยังมีโอกาสรับงานเพิ่มขึ้นได้อีกมาก  โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ทยอยออกมา อีกทั้งความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (1 ต.ค.62-30 ก.ย.63) มีกำไรสุทธิที่ 267 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 229.47 ล้านบาท วันที่ 1 ก.ค.62-30 มิ.ย.63 ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 0.21 บาท อยู่ที่ 0.24 บาท ทำให้ P/Eลดลงอยู่ที่ 8 เท่า จากเดิม 9.20 เท่าที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.92 บาท  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

ขณะที่ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563  มีรายได้รวม 2,114.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.31% มีกำไรสุทธิ 204.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205.24% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งรายได้และกำไรสุทธิสร้างสถิติสูงที่สุด (New High) มาจากการรับรู้รายได้โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง รวม 9 เดือนมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20% ส่วนไตรมาส 3 มีรายได้รวม 673.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% และกำไรสุทธิ 67.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.88% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ส่วนไตรมาส 4 คาดว่าจะสามารถทำสถิติสูงสุดได้อีกครั้ง เนื่องจากเป็นช่วงที่มีงานมากที่สุดของปี ฝนตกไม่ตก  เราสามารถส่งมอบได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการรับงานประมูลใหม่ๆเพิ่มขึ้นงานรถไฟทางคู่ จะออก 3 ฉบับ มูลค่ารวม 72,000-75,000 ล้านบาท เป็นงานของบริษัทประมาณ 20,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานประมาณ 20% และงานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน รวมถึงโอกาสรับงานจากกรมชลประทาน กรมทางหลวงพิเศษ กรมทางหลวงชนบท และองค์กรต่างๆเพิ่มมากขึ้น

สำหรับยอด Backlog ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 63 มีประมาณ 4,200 ล้านบาท จะรับรู้ในไตรมาส 4 ประมาณ 600-700 ล้านบาท  คาดว่าจะสามารถเพิ่ม Backlog ในปี 64 เป็น 4,000-5,000 ล้านบาท และปี 65 มียอดแตะที่ 6,000 ล้านบาท จากการที่เริ่มรับงานประมูลได้มากขึ้นหลังเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นแล้วเสร็จ

บริษัทคาดว่าจะมีงานที่บริษัทเข้าประมูลมากขึ้นในปี 2564  โดยเฉพาะงานในต่างประเทศ  หลังจากโควิด-19 เริ่มเบาบางลง ในประเทศเมียนมา ยังมีความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐาน และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำอยู่อีกมาก ในกัมพูชาได้เริ่มรับงานไปแล้ว ประเภทงานปรับปรุงเจดีย์ และคาดว่าจะมีงานอื่นๆเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงในสปป.ลาว  คาดว่าสัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ประมาณ 75% และต่างประเทศ 25% จากปี 63 สัดส่วนอยู่ที่ 95% และ5% ตามลำดับ

ปัจจุบันมีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่ประมาณ 20 โครงการ โดย 4 โครงการมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ตามสัดส่วนของงาน ประเภทอุโมงค์มีสัดส่วนมากอยู่ที่ประมาณ 60% ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ 3 โครงการ และเป็นงานที่มีอัตรากำไรที่ดี ส่วนอีก 40% เป็นงานประเภทอื่นๆ เช่น งานพัฒนาเหมือง งานเจาะสำรวจ งานคอนกรีตโครงสร้าง งานสร้างเขื่อน งานสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ สร้างท่อลอดใต้ดิน