คลุกวงในหุ้น : AOT-AAV เซ่นเรือล่มภูเก็ต

โดย… สุนันท์ ศรีจันทรา

กระแส “บอยคอต” การท่องเที่ยวในประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังโศกนาฏกรรมเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต จะเกิดขึ้นรุนแรงขนาดไหน นักลงทุนในตลาดหุ้นไม่รอการประเมินผลแล้ว โดยชิงกันเทขายหุ้นที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวโยงกับการท่องเที่ยวออกมา จนราคาทรุดลงหลายตัว

หุ้นบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV เจ้าของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ปิดเมื่อวันอังคารที่ 10 กรกฎาคมที่ราคา 4.64 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือลดลง 4.13%

ส่วนหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ปิดวันอังคารที่ 10 กรกฎาคมที่ราคา65.50 บาท ลดลง 1 บาท หรือลดลง1.50% โดยวันก่อนหน้าราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ราคาหุ้นทั้งสองตัวอาจปรับตัวลงไม่มาก แต่ก็ลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะดัชนีตลาดหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 20 จุด แต่หุ้น AAV กับ AOT กลับลง

AAV และ AOT จะได้รับผลกระทบโดยตรง หากจีนจุดชนวนรณรงค์ “บอยคอต” หรือต่อต้านการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังจากนักท่องเที่ยวจีนกว่า 40 ชีวิต ต้องสังเวยเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา

จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย ตามประมาณการปี 2561 จะมีจำนวนประมาณ 10 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศประมาณ 5 แสนล้านบาท ถ้าเกิดการ “บอยคอต” ประเทศไทยจริง จะกระทบต่อรายได้จากนักท่องเที่ยวจีน

และส่งผลกระทบต่อเนื่องจากธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าสนามบินหรือสายการบิน โดยรายได้จะหดตัวลง กำไรจากการการดำเนินงานชะลอตัว นักลงทุนจึงชิงกันขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง

กระแส “บอยคอต” การท่องเที่ยวในประเทศไทย คุกรุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยนักท่องเที่ยวจีนอ้างว่า ประเทศไทยมักจะประณามและโจมตีนักท่องเที่ยวจีน เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมเรือบ่มที่ภูเก็ต และคนในรัฐบาลพูดพาดพิง ระบุว่าเป็นความผิดของคนจีนด้วยกัน ทำให้โซเชียลในจีนปลุกกระแสโจมตีประเทศไทยอีกครั้ง พร้อมการเคลื่อนไหวรณรงค์ต่อต้านการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย

นอกจากนั้น ยังมีความเคลื่อนไหวเพื่อปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และนอมินีหรือตัวแทนกลุ่มทุนจีนที่เข้ามาดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย ซึ่งจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงโดยปริยาย

ถ้ากระแสการบอยคอตลุกลาม จนมีการรณรงค์ไม่เที่ยวไทยอย่างจริงจัง โดยรัฐบาลจีนโดดเข้าร่วมวงกับประชาชนด้วย ธุรกิจการท่องเที่ยวจะกระเทือนอย่างหนัก และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี ทั้งในปีนี้และปีต่อๆ ไป

ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะสายการบิน โรงแรม สนามบิน จะถูก “หางเลข” ไปด้วย ได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน

และ AAV-AOT จะไม่ถูกถล่มเพียงเท่านี้

หุ้นในกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวหรือเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว กลายเป็นหุ้นในกลุ่มอันตรายไปโดยปริยาย เพราะอยู่ในข่ายที่ได้รับผลกระทบจากกระแสรณรงค์ไม่เที่ยวประเทศไทยของชาวจีน ซึ่งถือเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของประเทศไทย

ช่วงระยะนี้ ควรหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวไว้ก่อน เพื่อรอประเมินผลกระทบจากกระแสบอยคอตของนักท่องเที่ยวจีนให้แน่ชัด

มรสุมกลางทะเลภูเก็ต ไม่ได้ถล่มจนเรือล่มเท่านั้น แต่ยังกระหน่ำใส่ตลาดหุ้นด้วย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ตกเป็นเป้าหมายในการถล่มขาย

ไม่จำเป็นควรงดช้อนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวชั่วคราว