HoonSmart.com>> “บลจ.วี” น้องใหม่อุตสาหกรรมกองทุนรวม ได้พิสูจน์ “ผลงาน” ให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุน หลังผ่าน 1 ปี 6 เดือน เปิดตัวกองทุนใหม่ตามเทรนด์โลกออกมาต่อเนื่อง ด้วยการคัดสรรกองทุนชั้นนำในต่างประเทศ ผู้จัดการกองทุนฝีมือดี มีผลงานย้อนหลัง ที่ชื่ออาจยัง “ไม่เป็นที่รู้จัก” ของนักลงทุนไทย เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุน
“ต้องดี&แตกต่าง”
“นายอิศรา พุฒตาลศรี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วี ให้สัมภาษณ์พิเศษ HoonSmart.com ว่า ปีนี้บริษัทฯ ได้ออกกองทุนไปแล้ว 13 กองทุนและตามแผนจะออกกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อีก 1 กองทุน เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนระยะยาว สำหรับการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี จากช่วงเดือนต.ค.ที่ผ่านมาได้ออกกองทุน RMF ลงทุนทองคำเป็น RMF กองแรกของบริษัท
“บลจ.วี ซึ่งเป็นรายใหม่ในอุตสาหกรรม ทำให้การออกกองทุนจึงต้องฉีกบลจ.อื่นและผู้จัดการกองทุนหลักไม่ซ้ำ ซึ่งเป็นแนวทางของเรา หาของที่ดีมาให้ลูกค้า “ต้องดีและแตกต่าง” เพราะกองทุนในตลาดมีจำนวนมาก จึงต้องคัดสรรกองทุนมานำเสนอ”
สำหรับหลักการคัดเลือกกองทุนจะดูความใหญ่ของบริษัทจัดการ ความเก่าแก่ ผลงานของกองทุนที่ผ่านมา รวมถึงสไตล์การลงทุนว่าเวลาเลือกหุ้นเลือกจากอะไร ดูอย่างไรและเวลาขายหุ้นในพอร์ต เพราะอะไร ต้องดูว่าสไตล์คล้ายกับเราหรือไม่ ซึ่งจะเน้นหุ้นของบริษัทที่มีความสามารถเฉพาะตัว เลือกหุ้นที่แน่ใจว่ากิจการจะอยู่ได้
ในช่วงที่ผ่านมาจึงนำเสนอกองทุนต่างประเทศจากฝีมือผู้จัดการชั้นนำ ซึ่งชื่ออาจไม่เป็นที่คุ้นเคยของนักลงทุนในไทย เช่น WE-GEQUITY ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกมี Fundsmith LLP ผู้จัดการกองทุนสัญชาติอังกฤษ บริหารกองทุนรีเทลใหญ่ที่สุดในอังกฤษ , WE-TRBOND ลงทุนตราสารหนี้ ซึ่งมี H2O Asset Management เชี่ยวชาญด้านการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยง
กองทุน WE-CHIG ลงทุนหุ้นจีนขนาดเล็ก ซึ่งมี Matthews International Capital Management, LLC ที่มีความเชี่ยวชาญและใกล้ชิดกับตลาดหุ้นจีนที่เน้นลงทุนหุ้นขนาดเล็ก กองทุนอสังหาริมทรัพย์ WE-USREIT ลงทุนผ่านกองทุนหลักที่มี Neuberger Berman Europe Limited ผู้จัดการกองทุนในสหรัฐฯ เชี่ยวชาญในการบริหารอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในอเมริกากว่า 70 ปี และ WE-GOLD การลงทุนในทองและเงิน ผ่าน Merian Global Investors ที่มีประสบการณ์ในตลาดทองคำโลก เน้นจัดพอร์ตลงทุนในทองคำแท่ง , เงินแท่ง , หุ้นเหมืองทองและแร่เงิน เป็นต้น
“บนความเชื่อของเรามองว่า Disruption มาแน่ๆ ดังนั้นการออกกองทุนจะเสนอให้ตรงจุดกับลูกค้าและโฟกัสไปที่ธุรกิจนั้นๆ หรือเป็นการลงทุนเฉพาะเป็น Themes Matic Fund การออกกองทุนของบลจ.วี จึงเน้นสิ่งที่จับต้องได้และมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับกระแสโลก”
ล่าสุดบลจ.วีได้เปิดตัวกองทุนเปิด “วี วีดิโอ เกมมิ่งแอนด์ อีสปอร์ต” หรือ WE-PLAY รับแนวโน้มธุรกิจเกม และการรวมกลุ่มจัดการแข่งขันเกม (eSport) เติบโตแรง ซึ่งเป็น sub ย่อยของธีมกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าสนใจ เปิดขาย IPO ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.-3 พ.ย.นี้
นายอิศรา กล่าวว่า ภาพรวมการออกกองทุนในปีนี้จึงมีกองทุนที่เกี่ยวข้องกับธีมเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของโลกมานำเสนอแก่นักลงทุนต่อเนื่อง ทั้งกองทุน WE-GSECURE ลงทุนหุ้นกลุ่มธุรกิจความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ครอบคลุมการเดินทาง สิ่งแวดล้อม อาหารและชีวิตประจำวัน ซึ่งเติบโตต่อเนื่องทุกปีเป็นธีมการลงทุนที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของสังคมจากปัจจัยพื้นฐาน
ส่วนกองทุนหุ้นเทคโนโลยี (Global Technology) ได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งบลจ.วีได้ออกกองทุนตั้งแต่เดือนมิ.ย.2562 เริ่มจากทริกเกอร์ฟันด์ WE-GTECH8M ก็สร้างผลตอบแทนถึงเป้าหมาย 8% ก่อนครบกำหนด 2 เดือน โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก Polar Capital Global Technology Fund หลังจากนั้นเดือนส.ค.2562 จึงออกกองทุน WE-GTECH ลงทุนผ่านกองทุนหลักกองเดิม เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งผลดำเนินงานกองทุนในปัจจุบันอยู่อันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ยังออกกองทุน WE-GEDUCATION ลงทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มด้านการศึกษา (EDTECH) ทั่วโลก กองทุน WE-OSHOP เน้นหุ้นกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ทั่วโลก เป็นต้น ในขณะที่กองทุนหลักๆ อย่างกองทุนหุ้นทั่วโลก กองทุนหุ้นจีนและกองทุนหุ้นไทยก็นำเสนอให้แก่นักลงทุน รองรับการจัดพอร์ตเช่นกัน
“หุ้นเทคฯ-หุ้นโลก-หุ้นจีน” น่าสนใจ
นายอิศรา กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการลงทุนในขณะนี้ ตลาดหุ้นไทยยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน แนวโน้มการลงทุนต่างประเทศจึงน่าสนใจ ดัชนีภาคการผลิตทั้งสหรัฐฯ จีนและยุโรปออกมาค่อนข้างดี ตัวเลขดัชนีชี้นำไปข้างหน้า ยอดสั่งซื้อสินค้าเติบโตก้าวกระโดด จึงมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีขอให้โควิด-19 อย่าแย่ไปกว่านี้
สำหรับพอร์ตการลงทุนที่แนะนำ ได้แก่ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มองแนวโน้มการเติบโตยังไปได้อีกไกลและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งให้กลุ่มเทคโนโลยีเติบโตรวดเร็ว ซึ่งในกลุ่มเทคฯ เองก็มีธุรกิจย่อยอีกจำนวนมากที่น่าสนใจ เช่น WE-OSHOP เน้นหุ้นค้าปลีกออนไลน์ทั่วโลก ซึ่งเติบโตรวดเร็ว แม้กระทั้งธุรกิจกการศึกษาผ่านแพลตฟอร์มด้านการศึกษาก็มีแนวโน้มเติบโตที่ดีเช่นกัน ซึ่งสามารถลงทุนได้ในระยะยาว โดยเชื่อว่าแม้ราคาจะปรับตัวขึ้นมามาก ตราบใดที่กำไรยังเติบโตก็ทำให้หุ้นยังมีความน่าสนใจ ในช่วงที่หุ้นปรับฐานจึงเป็นจังหวะในการลงทุน
ด้านกองทุน WE-GIHEALTH ลงทุนธุรกิจเฮลท์แคร์ ซึ่งต่างจากกองทุนในตลาด โดยจะเน้นลงทุนหุ้น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของการแพทย์ยุคใหม่ ศึกษาและพัฒนาด้านชีววิทยาของมนุษย์ โรคซับซ้อน พัฒนายาเจาะจงแต่ละบุคคล รวมถึงหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเทคโนโลยีอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ (Medical Device Technonogy) ที่ต่อยอดไปสู่การรองรับงานด้านต่างๆ ซึ่งทั้งสองกลุ่มเชื่อว่าจะเติบโตได้ดีในอนาคตสามารถตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพการรักษาได้ดีและมีต้นทุนการดำเนินงานถูกลง
นอกจากนี้นักลงทุนสามารถกระจายลงทุนไปยังหุ้นทั่วโลก หุ้นจีนขนาดเล็ก ซึ่งบลจ.วีเชื่อในศักยภาพของประเทศจีนมีแนวโน้มเติบโต ขณะเดียวกันมองปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้นอาจกระทบบริษัทขนาดใหญ่ จึงนำเสนอหุ้นจีนขนาดเล็กที่มีการเติบโตแข็งแกร่งจากธุรกิจภาคบริการและการบริโภค รวมทั้งทองคำ WE-GOLD ซึ่งแนะนำให้มีในพอร์ต แนวโน้มยังไปต่อได้ แต่ความต่างของกองทุนจะมีความแกว่งพอสมควร นักลงทุนจึงต้องเข้าใจโปรดักต์ เพราะลงทุนทั้งในทองแท่ง เงินแท่ง เหมืองทองและเหมืองเงิน ซึ่งต่างจากกองทุนอื่นๆ รวมทั้งอาจกระจายลงทุนกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกในพอร์ตได้
“กำไร” รอบปีครึ่ง
นายอิศรา กล่าวว่า ปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารของบลจ.วี ประมาณ 5,200 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 4,900 ล้านบาท ซึ่งเติบโตไม่ได้มากส่วนหนึ่งเป็นผลจากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ “หุ้นตลาดเกิดใหม่ หุ้นอินเดีย หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นจีน” ผลตอบแทนถึงเป้าหมายส่งมอบกำไรให้แก่ผู้ลงทุน สะท้อนการจับจังหวะลงทุนได้แม่นและการเป็นบลจ.ขนาดเล็กจึงคล่องตัวในการออกกองทุนทันท่วงที ขณะเดียวกันจากผลงานของกองทุนที่ผ่านมาทำให้ตัวแทนขายหน่วยลงทุน (เอเจ้นท์) จากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ มีความเชื่อมั่นบลจ.วีและนำเสนอกองทุนให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันช่วงต้นปีบลจ.วียังมีกองทุนไม่มาก ทำให้ไม่มีกองทุนรองรับเม็ดเงินดังกล่าวในช่วงต้นปี ต่างจากปัจจุบันมีกองทุนทั้งสิ้น 19 กองทุนให้นักลงทุนได้จัดพอร์ต หมุนลงทุนและหลบพักเงินในมันนี่ มาร์เก็ตหรือตราสารหนี้ได้ในยามที่ตลาดผันผวนสำหรับคนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมาก
“ช่วงที่คนทั่วโลกวิตกการแพร่ระบาดโควิด-19 นักลงทุนแพนิคขายหุ้นทั่วโลกและตราสารหนี้ในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา จนมีการปิดกองทุนตราสารหนี้ของบางบลจ.นั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนของเรา เพราะมีกองทุนที่เตรียมออกไว้อยู่แล้ว การเป็นบริษัทขนาดเล็กจึงคล่องตัวและออกกองทุนได้ต่อเนื่อง ขณะที่บลจ.อื่นๆ ไม่มีกองออกมาในช่วงนั้น ทำให้เราได้มาร์เก็ตแชร์ส่วนหนึ่งในช่วงโควิด”นายอิศรา กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานของบลจ.วีปัจจุบันมีกำไรแล้ว ซึ่งถือว่าเร็วในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง จากความร่วมมือร่วมใจของพนักงานทุกคนสู่เป้าหมายที่ต้องการให้ “ลูกค้าที่ลงทุนกับเราต้องได้กำไร ได้รีเทิร์นเหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละคน”
ภายใต้การนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานของกองทุนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมด้วยความหลากหลายด้านนวัตกรรมทางการเงินที่สามารถสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้า
ปัจจุบันบลจ.วี ถือหุ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) สัดส่วน 51% และที่เหลือ 49% ถือโดยผู้บริหาร ซึ่งหลังบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม โดยตั้งบริษัท เคทีบีเอสที โฮลดิ้ง หรือ KTBST ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เป็นสถาบันการเงินครบวงจรมากขึ้น โดยนอกจากบล.เคทีบี (ประเทศไทย) และบลจ.วี ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มแล้วยังมีบริษัท เคทีบีเอส รีท แมเนจเม้นท์ อีกหนึ่งธุรกิจช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ KTBST และนำเข้าจดจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย