“เอเซีย พลัส” มองบวกหุ้นกลุ่มรพ.ลุ้นลดวันกักตัว แนะสะสม BDMS

HoonSmart.com>> บล.เอเซีย พลัส มองกรณีกระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอลดวันกักตัวผู้เดินทางเข้าไทยจาก 14 วัน เหลือ 10 วัน ผลบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล ที่มีสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติสูง หวังช่วยธุรกิจฟื้นตัว ยก BDMS หุ้นมั่นคง น่าสะสม ราคาลงไปมาก

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์หลังกระทรวงสาธารณสุข เตรียมเสนอเรื่องการลดเวลากักตัวผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จากเดิม 14 วัน เหลือ 10 วัน ต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เชื่อว่าจะเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มรพ. โดยประเมินหนึ่งในกระบวนการผ่อนคลายอุปสรรคการขอเดินทางเข้ามารักษาของผู้ป่วยต่างชาติที่ยังมีค่อนข้างสูงในปัจจุบัน จนส่งผลกระทบการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติของกลุ่ม รพ. ยังค่อนข้างช้า

ทั้งนี้ นอกจากกลไกดังกล่าว หลังจากนี้คาดหมายว่าน่าจะมีการผ่อนคลายมากขึ้นในเรื่องข้อจำกัดปริมาณเที่ยวบินเดินทางเข้ามารักษาประเทศให้เพิ่มสูงขึ้น ผ่านการอนุญาตให้เที่ยวบินต่างประเทศกลับมาบริการในรูปแบบ Semi-Commercial ซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่มรพ.ที่มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างประเทศ (Fly-in) สูง ซึ่งได้รับผลกระทบการห้ามเดินทางเข้ามารักษา เพื่อป้องกัน COVID-19 ระบาด ได้แก่ BH, BDMS, PR9 และ BCH ที่ 56%, 15%, 9% และ 8% ตามลำดับ ภาพรวมจึงน่าจะคาดหวังการฟื้นตัวกลุ่ม Fly-in ในปี 2564 ของรพ.ดังกล่าวได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการฟื้นตัวคาดหวังที่ BDMS มากสุด เนื่องจากรายอื่นยังมีความเสี่ยงรอหักล้างประโยชน์อยู่ โดยในส่วน PR9 และ BCH เชื่อว่าจะยังเห็นแรงหักล้างบางส่วนจากต้นทุนเพิ่มขึ้นการเปิดรพ.แห่งใหม่นับจากช่วงกลางปี 2563 ขณะที่ BH และ BDMS แม้อาจมีแรงกดดันความกังวลการแข่งขันจากรพ.ใหม่ Medpark (เป็นการร่วมทุนระหว่างรพ.มหาชัย M-CHAI ถือ 42%,กลุ่มแพทย์ที่เคยร่วมงานกับ BH และที่อื่นๆ) ที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม แต่คาดผลกระทบหลักๆจะมีต่อ BH มากกว่า BDMS ทั้งเป้าหมายฐานลูกค้า Medpark ค่อนข้างมุ่งเป้าหมายที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติระดับบนเช่นเดียวกับ BH มากกว่า เนื่องจากประสบการณ์ผู้ก่อตั้งรพ. ส่วนกรณี BDMS ผลกระทบเชื่อว่าจำกัดกว่า สะท้อนเห็นได้ชัดจากจำนวนทีมแพทย์ BDMS ที่ถูกดึงตัวไปเพียงราว 40 ราย จากทั้งหมด 1.2 หมื่นราย

“ภาพรวมสถานการณ์กลุ่ม รพ. จากนี้ที่เป็นบวก เฉพาะอย่างยิ่ง BDMS ที่ดูดีขึ้น ยังสวนทางราคาหุ้น YTD ที่ปรับตัวลดลง 33% ซึ่งเชื่อว่ามี Downside ที่จำกัดแล้ว หากอิงตามผลกระทบการปรับลดกำไรตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 และการฟื้นตัวล่าช้าลงไปราว 40% จึงเชื่อว่าราคาปัจจุบันเป็นจุดน่าสะสมหุ้นมั่นคง รพ. คงยืนยันคำแนะนำ ซื้อ ภายใต้มูลค่าพื้นฐานปี 2564 ที่ 20.5 บาท”บล.เอเซีย พลัส ระบุ