หุ้นดิ่ง 2% หวั่นม็อบยืดเยื้อ แนะทิ้งก่อนรอซื้อกลับ-เพิ่มเงินสด

HoonSmart.com>>หุ้นทรุด 2% ตามคาด สถาบันไทยทิ้งหนีตาย 3,710 ล้านบาท นัดพบกัน 1,200 จุด กลยุทธ์ม็อบลากยาว เทขายก่อนได้เปรียบ แต่ไม่ต้องรีบซื้อกลับ บล.ทรีนีตี้คาดกระทบ 6 กลุ่ม  รถไฟฟ้าโดนเต็มๆ BTS, BEM,VGI, PLANB  บล.เอเซียพลัสเพิ่มเงินสดเป็น 35% จาก 25% บล.กรุงไทยซีมิโก้ แนะใช้เครื่องมืออนุพันธ์ ชอร์ตกลุ่มท่องเที่ยว บล.ทิสโก้เชียร์ 3 กลุ่ม พาณิชย์-อาหาร-อิเล็กทรอนิกส์  ชอบ BJC, CPALL, HMPRO, RS ,CPF, GFPT, TVO,DELTA, HANA

ตลาดหุ้นไทย 19 ต.ค.ทรุดสวนทางต่างประเทศ การชุมนุมทางการเมืองที่ไม่จบง่าย ทุบดัชนีร่วงเฉียด 25 จุด หรือ 2.02% ดัชนีปิดที่ 1,208.75จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54,008 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทปิดที่ 31.14/21 บาท/ ดอลลาร์ เคลื่อนไหวแคบๆ

แรงขายหุ้นไทยมาจากสถาบันไทยเจ้าเดียว-3,710 ล้านบาท ส่วนต่างชาติซื้อ 310 ล้านบาท พอร์ตบล. เก็บ 877 ล้านบาท นักลงทุนช้อนไว้มากสุด 2,522 ล้านบาท

นักกลยุทธ์แนะนำการลงทุนในสถานการณ์การชุมนุมยืดเยื้อ ให้ตัดใจขายหุ้นในพอร์ตที่ซื้อไว้สำหรับลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอซื้อกลับ หากสถานการณ์ดูดีขึ้น หรือมีปัจจัยบวกเข้ามา (ชอร์ตอะเกนพอร์ต) แต่ในช่วงนี้ยังไม่ต้องรีบซื้อกลับ

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กลยุทธ์กรณีมีหุ้นให้ทยอยลดพอร์ตลงทุน เน้นเล่นหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาดในช่วงนี้ หลีกเลี่ยงแบงก์ เพราะธนาคาร 7 แห่งที่ศึกษา คาดไตรมาส 3/63 มีกำไรสุทธิ 2.21 หมื่นล้านบาท หดตัวถึง 52%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง-4%จากไตรมาส 2 จึงควรระมัดระวัง ตลาดยังมีโอกาส
ปรับตัวลงต่อไป

บล.ทรีนีตี้ มองสถานการณ์มีโอกาสยืดเยื้อสูง เพราะรูปแบบการชุมนุมกระจายตัวและไม่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีค้างคืน ทำให้การควบคุมหรือการสลายการชุมนุมนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก

“สิ่งที่นักลงทุนมักไม่ชอบมากที่สุดคือ เหตุการณ์ที่มีลักษณะยืดเยื้อและไม่สามารถคาดเดาจุดสิ้นสุดได้ จึงประเมินภาพตลาดปรับตัวลงและมูลค่าการซื้อขายเบาบาง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อหุ้น 6 กลุ่ม ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวไม่น่ากังวล เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาก่อนหน้านี้แล้ว “บล.ทรีนีตี้ระบุ

สำหรับกลุ่มขนส่งมวลชนและสื่อนอกบ้าน เช่น BTS, BEM,VGI, PLANB ได้รับผลกระทบชัดเจน เพราะมีการปิดการให้บริการ หากยังคงลากยาวต่อไปจะกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนกลุ่มอื่นมีผลเชิงลบในด้าน Sentiment ได้แก่ กลุ่มห้างสรรพสินค้า เช่น CRC, CPN, MBK กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากเสถียรภาพภาครัฐที่เริ่มมีความไม่แน่นอน  เช่น CK,STEC, ITD, UNIQ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ AMATA, WHA จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มลดลงอีกครั้ง

บล.เอเซียพลัส กลยุทธ์การลงทุนตอนนี้แนะนำถือเงินสด 35% ของพอร์ตลงทุน ส่วนอีก 65% เน้นหุ้นปันผลสูง DCC, JMART, MCS รวมถึงหุ้น Global Play อย่าง TU, PTTGC เป็นต้น แต่สถานการณ์โควิดมีโอกาสช่วยสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นบางกลุ่ม เช่น STGT, STA และ NER

บล.กรุงไทยซีมิโก้ แนะกลยุทธ์ให้ชอร์ตหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ได้แก่หุ้น MINT, CENTEL, ERW ,AWC, CPN คาดแนวต้าน 1,243/1,250 แนวรับ 1,225/1,215 ทางเทคนิคยังลงไปถึง 1,200 ยังไม่สามารถฝ่าแนวต้าน 1,250 จุดขึ้นไปได้