PRAPAT ลั่นวันแรกพ้นจอง หุ้นเติบโต-ปันผลดี

HoonSmart.com>>“พีรพัฒน์ เทคโนโลยี”มั่นใจหุ้นเข้าเทรด 20 ต.ค. ราคาเหนือจองที่ 1.50 บาท  ยันบริษัทเติบโต  ปันผลงาม  แนวโน้มรายได้ปีหน้าเติบโต 10%  ขยายต่างปรเะทศ เพิ่มอัตรากำไร หลังเข้าตลาดลด D/E เหลือ 1.2 เท่า 

บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี (PRAPAT) จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 20 ต.ค. นี้ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อ ภายใต้ตราสินค้าหลัก (PEERAPAT) เสนอขาย IPO จำนวน 100 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.50 บาท พาร์หุ้นละ 0.50 บาท

นายสืบพงศ์ เกตุนุติ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี (PRAPAT) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความมั่นใจว่าราคาเปิดการซื้อขายวันแรกจะสูงกว่าราคาจองที่ 1.50 บาท

“เรามีความมั่นใจว่า ราคาหุ้นจะเปิดมาเหนือจอง ซึ่งเราไม่ได้คาดหวังเก็งกำไรในช่วงแรก แต่มั่นใจว่าในระยะยาวเป็นหุ้นที่มีการเติบโตที่ดีทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ (CLMV) ในอนาคตจะขยายไปยังกลุ่ม AEC รวมการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง 9 ปี” นายสืบพงศ์ กล่าว

ด้านผลการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท ส่วนปีนี้ 6 เดือนแรกกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท เพราะไตรมาส 2/2563 ขาดทุนสุทธิ 0.68 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7 ล้านบาท

นายสืบพงศ์กล่าวว่า แนวโน้มในปี 2564 คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 10% แต่น้อยกว่าปี 2562  สัดส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการจะเพิ่มขึ้นแตะที่ระดับ 30-40% โดยมีฐานลูกค้าที่ทำสัญญาในระยะยาวทั่วประเทศไทย ที่มีอัตรากำไรที่ดีกว่าด้วย รวมถึงในอนาคตมีแผนจะขยายไปยังตลาดในกลุ่ม CLMV มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนต่างประเทศน้อย และมีแผนจะขยายการตลาดไปยังกลุ่มประเทศ AEC ซึ่งจากผลกระทบโควิดที่ผ่านมา ทำให้การเซ็นสัญญาที่ประเทศอินโดนีเซียต้องเลื่อนออกไป

นอกจากนี้มีการเปิดการตลาดด้านออนไลน์มากขึ้น โดยมีเว็บขายออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น จากผลกระทบที่มาบริษัททำการตลาดโดยการเข้าถึงธุรกิจ มากกว่าการเข้าถึงรายย่อย คาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้ยอดขายมีการเติบโตดีขึ้นในอนาคต

สำหรับเงินที่ระดมได้ประมาณ 150 ล้านบาท  แบ่งการใช้ 3 ส่วน ได้แก่ 1)การลงทุนในระบบบัญชีและระบบควบคุมการผลิต 2) ก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม 3)ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท    หลังจากระดมแล้วเสร็จสัดส่วนอัตราหนี้สินต่อทุนจะลดลงเหลือประมาณ 1.2 เท่า จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.82 เท่า เพราะฐานทุนเพิ่มขึ้น