HoonSmart.com>>หุ้นไทยถอยหลัง 6 เดือน กลัวสถานการณ์การชุมนุมยืดเยื้อ ซ้ำเติมเศรษฐกิจเจอพิษโควิด นักวิเคราะห์เตือนอย่าตื่นตระหนก หาเป้าธุรกิจฟื้นตัวชัดเจน ” เย็บ ซู ชวน” การันตี AH เทิร์นอะราวด์เร็วกว่าที่คาด อุตสาหกรรมยานยนต์พุ่งแรง บล.หยวนต้าเพิ่มเป้าราคาจาก 12.70 บาทกระโดดไป 18.20 บาท ปีหน้ากำไรโตโดดเด่น บล.บัวหลวง เชียร์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เกษตรอาหาร วัสดุก่อสร้าง ไฟแนนซ์ มีโอกาสปรับประมาณการปี 64
เมื่อวันศุกร์ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา ดัชนีปิดที่ 1,233.68 จุด ลงไปต่ำสุดในรอบกว่า 6 เดือน ตลาดหุ้นไทยทรุดมาก ผวาการชุมนุมยืดเยื้อ ซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ แต่ยังมีหุ้นที่ราคาหุ้นดีดขึ้นแรง เช่น กลุ่มยานยนต์นำโดย บริษัท อาปิโก ไฮเทค (AH) พุ่งแรง 8% บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) บวก 3.80% แม้ว่าตลาดจะติดลบ 9 จุดก็ตาม
นาย เย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการ บริษัท อาปิโก ไฮเทค (AH) กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และฟื้นตัวในลักษณะตัว V นับว่าดีกว่าที่คาดไว้ ยอดขายรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศดีขึ้นมาก ออเดอร์เพิ่มขึ้นยาวถึงปีหน้า
” อุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นเร็วกว่าคาด AH กลับมาใช้กำลังการผลิต ประมาณ 70-80% ถือเป็นภาวะปกติของบริษัท ส่วนกำลังผลิตที่เหลือเผื่อไว้รองรับออเดอร์ที่จะเข้ามา และกรณีนิสสันย้ายฐานการผลิตจากอินโดนีเซียมายังประเทศไทย ก็ส่งผลดีต่อบริษัทด้วย”นาย เย็บ ซู ชวน กล่าว
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) แนะนำซื้อหุ้น AH ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐาน จาก 12.70 บาท เป็น 18.20 บาทในปี 2564 หลังปรับประมาณการปีนี้จากขาดทุน 451 ล้านบาทเหลือ 362 ล้านบาท ปีหน้ากำไรจะเติบโตโดดเด่น เพิ่มจากเป้าเดิม 22% เป็นกำไร 517 ล้านบาท จากการปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้เพิ่มขึ้น 6% และปรับอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 7.6% เป็น 9% และปรับใช้ P/E เฉลี่ย 5 ปี ที่ 11.4 เท่า ราคาหุ้นถือว่ายังถูกโดยซื้อขาย P/BV เพียง 0.5 เท่า ของประมาณการปี 2564
AH ไตรมาส 4 ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า นิสสันและอีซูซุ ที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวก จากการที่นิสสันย้ายฐานการผลิตจากอินโดนีเซียมายังประเทศไทย โดย AH มีสัดส่วนรายได้จากนิสสัน สำหรับการผลิตชิ้นส่วน OEM ราว 4% ซึ่งมองว่ามีโอกาสได้ออเดอร์มากขึ้น โดยอัตราการใช้กำลังการผลิตคาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 70-75%
“หุ้น AH เทิร์นอะราวด์เร็วกว่าที่คาด ไตรมาส 3 พลิกกลับมามีกำไร 59 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนที่ขาดทุน 631 ล้านบาท อัตราการใช้การผลิตที่เพิ่มจาก 40% เป็น 70% แนวโน้มไตรมาส 4 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศที่ค่ายรถกลับมาผลิตเพิ่มขึ้น”บล.หยวนต้าระบุ
นอกจากนี้ บริษัทลูกในต่างประเทศก็ดีขึ้น บริษัทลูก AAPICO MAIA ในโปรตุเกสก็ฟื้นตัวอย่างนัย จากไตรมาสก่อนหยุดการผลิตไป 2 เดือน ปัจจุบันกลับมาผลิตปกติ และรัฐบาลโปรตุเกสออกมาตรการช่วยเหลือ สนับสนุนด้านเงินเดือนแรงงาน ทำให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรของ MAIA คาดดีขึ้น ส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ที่มาเลเซีย เริ่มฟิ้นตัว รัฐบาลลดภาษีสำหรับรถยนต์ใหม่ 6 เดือนถึงสิ้นปี ทำให้บริษัทขยายธุรกิจเพิ่ม เปิดบริษัท อาปิโก มอเตอร์ (กวนตัน) และบริษัท อาปิโก มอเตอร์ (เตเมอร์โล) เพื่อทำธุรกิจจำหน่ายรถยนต์โปรตอน ช่วยหนุนรายได้จากการจำหน่ายรถยนต์ที่มาเลเซียมากขึ้น ส่วนธุรกิจผลิตชิ้นส่วน OEM ที่ประเทศจีน (สัดส่วนรายได้ ราว 5%) ก็เริ่มมีคำสั่งซื้อกลับมาผลิตเป็นปกติแล้วเช่นกัน
ด้านบล.บัวหลวง กลยุทธ์เลือกหุ้นกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 3/63 โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ เกษตรอาหาร วัสดุก่อสร้าง ไฟแนนซ์ และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อ มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการปี 2564
ทั้งนี้ประเมินกำไรโดยรวมเติบโต 43% จากไตรมาสที่ 2 แต่ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ดีขึ้นเทียบกับที่ลดลง 50%ในไตรมาส 2 โดยคาดกลุ่มที่จะรายงานกำไรหลักเติบโตมากกว่า 10% คือ อิเล็กทรอนิกส์, เกษตรและอาหาร, วัสดุก่อสร้างและกลุ่มสินเชื่อรายย่อย
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4 กำไรหลักโดยรวมลดลง 7% จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาส 3 และกำไรสุทธิลดลง 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 8% เทียบไตรมาสก่อน คาดกลุ่มที่จะรายงานกำไรหลักเติบโตจากปีก่อน ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์, อาหาร, ประกัน, สินเชื่อรายย่อย, วัสดุก่อสร้าง, ไฟฟ้า และสื่อ จากหุ้นทั้งหมดที่ดูแลคาดจะมี 42 บริษัทที่จะรายงานกำไรเติบโต
ในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นการปรับประมาณการกำไรปี 2564 ของตลาดขึ้น ส่วนบล.บัวหลวงยังคงประเมินกำไรต่อหุ้นของปีนี้ ที่ 56 บาท (ใกล้เคียงกับตลาดที่ 56.7) และ 84 บาท สำหรับปีหน้า (สูงกว่าตลาดที่ 79.7) ประเมินเป้าหมาย SET ณ กลางปีหน้าที่ 1,404 จุด