อสังหาฯ 100 รายแห่ขายกิจการ AWC เลื่อนเปิดโรงแรม 4 แห่ง พิษโควิด

HoonSmart.com>>“แอสเสท เวิรด์ฯ” ของครอบครัว “สิริวัฒนภักดี” เนื้อหอม อสังหาริมทรัพย์กว่า 100 ราย เสนอขายกิจการ แต่ยังไม่สรุป เกี่ยงราคาแพงไป ลั่นมีเงินพร้อมลงทุน ถ้าทำเลดี-ราคาเหมาะสม-ซื้อมาแล้วทำให้กำไรได้ดี ส่วนธุรกิจโรงแรม เลื่อนเปิด 4 โครงการก่อน หากสถานการณ์ยังไม่ดี อีก 6 โครงการอาจจะเลื่อนไปอีก 6 เดือน หวังผลงานไตรมาส 4 ดีขึ้น เปิดตัวเอเชียทีค โฉมใหม่ เซ็นสัญญากับ 4 พันธมิตรจีน เสริมความแข็งแกร่งศูนย์กลางการค้าส่งนานาชาติที่พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ คาดเปิดปลายเดือน พ.ย.นี้

วัลลภา ไตรโสรัส

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น (AWC) เปิดเผยว่า การแพรระบาดของโควิด-19   ตั้งแต่ปลายไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์กว่า 100 ราย เข้ามาเสนอขายกิจการให้กับบริษัท แต่ยังต้องพิจารณาถึงทำเลที่ตั้งและการทำกำไรหลังเข้าลงทุน โดยมีบางแห่งที่ตรงตามกลยุทธ์ แต่ราคายังแพงเกินไป ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจว่ามีความสามารถในการลงทุนสินทรัพย์ได้ต่อเนื่อง  ปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ในระดับต่ำที่ 0.7 เท่า  ยังมีโอกาสในการกู้เพื่อนำเงินมาลงทุนอีกมาก

ส่วนธุรกิจโรงแรมของบริษัทที่มีสัดส่วนประมาณ 50% ของมูลค่าทรัพย์สิน  124,000 ล้านบาท ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  ที่แพร่ระบาดมาตั้งแต่ปลายไตรมาสแรกที่ผ่านมา ต้องปิดบริการชั่วคราว และจำเป็นต้องเลื่อนการเปิดโรงแรม 4 แห่ง  เช่น  1.โรงแรม บันยันทรี กระบี่ จากไตรมาส 2 เป็นวันที่ 24 ต.ค.นี้ 2.โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ จากต้นปี 2564 เป็นปลายปี  และ 3.โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล แม่ปิง เชียงใหม่ (เดิมโรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่) คาดว่าเลื่อนเปิดไปอีก 6 เดือน หลังจากโรงแรมมีเลีย เชียงใหม่เปิดตัว  ต้องต้องดูจำนวนนักท่องเที่ยวในเชียงใหม่ก่อน ส่วนโรงแรมภายใต้แบรนด์ “ริทซ์-คาร์ลตัน รีเสิร์ฟ” ในพื้นที่โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟร้อนท์ คาดว่าจะเปิดในปี 2566 จากแผนเดิมปี 2565

สำหรับโรงแรม 4 แห่งดังกล่าว อยู่ในแผนโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่จำนวน 10 โครงการ ตั้งงบการลงทุนรวมระยะเวลา 5 ปี (63-67) ประมาณ 50,000 ล้านบาท ส่วนอีก 6 โครงการ ก็อาจจะพิจารณาเลื่อนเปิดอีก 6 เดือน เพื่อรักษาค่าใช้จ่ายก่อนเปิด

นางวัลลภากล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/2563 คาดว่าจะดีขึ้น จากครึ่งปีแรกขาดทุนสุทธิ  768.62 ล้านบาท โดยคาดหวังการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากการเปิดประเทศตามมาตรการของภาครัฐ และเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดของปี มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 30-40% ของรายได้ทั้งปี

“เรายังไม่แน่ใจว่านักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาได้ในตอนไหน การที่จะตอบว่าจะสามารถกลับมามีกำไรได้นั้นเป็นเรื่องที่ยังตอบได้ยาก คาดว่านักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาในช่วงต้นปีหน้า และจะเห็นภาพที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง  รวมถึงวัคซีนจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากปัจจุบัน ที่เริ่มเข้าเฟสสุดท้าย” นางวัลลภา กล่าว

อย่างไรก็ตามวันนี้ (16 ต.ค.) บริษัทฯได้กลับมาให้บริการโครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ในรูปแบบใหม่ พร้อมกับ เรือล่มสิริมหรรณพ ที่มีร้านอาหารในตัวเรือ ริมน้ำเจ้าพระยา โดยใช้งบประมาณรวมกว่า 300 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการมีอัตราการเช่าร้านค้าประมาณ 70-80%

นอกจากนั้น ในวันนี้ยังได้ลงนามในความร่วมมือกับสมาคมพัฒนาการค้าและการลงทุนและรัฐวิสาหกิจของจีน 4 องค์กร จำนวน 2 ฉบับ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับศูนย์กลางการค้าส่งนานาชาติขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงการส่งออกและนำเข้าสินค้าของภูมิภาคผ่านโครงการ “AEC Trade Center Pantip Pratunam” ศูนย์กลางการค้าส่งครบวงจร ด้วยพื้นที่รวมกว่า 30,000 ตร.ม. ของพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ซึ่งจะเปิดให้บริการในปลายเดือน พ.ย. นี้ ผลักดันให้ AEC Trade Center เป็นโครงการแฟล็กชิพสำหรับการค้าส่งในการส่งเสริมการส่งออกและนำเข้า  สร้างให้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางการค้าส่งของภูมิภาคอย่างแท้จริง เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตได้ในตลาดต่างประเทศ

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้พัฒนาแพล็ตฟอร์ม Omni Channel ซึ่งเป็นช่องทางการตลาดใหม่ที่ผสมผสานช่องทางการสื่อสารทั้งออน์ไลน์ (Online) และการขายหน้าร้าน (Offline) เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้จ่ายที่สะดวกและรวดเร็ว สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบัน ได้มีการร่วมมือกับแพลตฟอร์มการจองกิจกรรมและบริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำของโลกมาช่วยเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่ายของแต่ละโครงการ รวมถึงวางแผนในการสร้างแพลตฟอร์ม E-Commerce ในการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการของ AWC และพันธมิตร ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทและแอปพลิเคชันอย่าง AWC Connext ในอนาคตอีกด้วย

jc