PwC แนะบริษัทไทยปรับบทบาทงานด้านไฟแนนซ์-บัญชีสู่การเป็นพันธมิตรธุรกิจมากขึ้น

HoonSmart.com>>PwC ประเทศไทย เผยงานด้านไฟแนนซ์-บัญชีของบริษัทไทยต้องปรับบทบาทจากการเป็นหน่วยงานหลังบ้านสู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น เพราะจะเป็นฝ่ายงานสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์มาประเมินผลเพื่อการตัดสินใจ และคาดการณ์ผลการดำเนินงานขององค์กรในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่คาดแนวโน้มทั่วโลกเห็นหน่วยงานภายในปรับบทบาทสู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

คริส สุรเดชวิบูลย์

นายคริส สุรเดชวิบูลย์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา PwC ประเทศไทย เปิดเผยว่า ความคาดหวังต่อฝ่ายการเงินและฝ่ายบัญชีขององค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกนั้นเปลี่ยนไป โดยบทบาทและหน้าที่ของทั้ง 2 หน่วยงานได้ถูกปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมและกลายมาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เน้นในเรื่องของการช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มที่วัดผลได้ให้กับองค์กรในระยะยาวมากขึ้น

“หน่วยงานด้านไฟแนนซ์และบัญชีขององค์กรขนาดใหญ่ของไทยส่วนใหญ่ ยังคงมุ่งเน้นไปที่การทำหน้าที่ในการประมวลผลธุรกรรม มากกว่าการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ที่จะเข้ามาช่วยในการประเมินผลและคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต” นาย คริส กล่าว

นายคริส กล่าวว่า ปัจจุบันองค์กรขนาดใหญ่ของไทยได้ให้ความสำคัญกับแนวคิดพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับฝ่ายการเงินและฝ่ายบัญชีของตนมากขึ้น แต่ความท้าทายยังอยู่ที่การวางกลยุทธ์ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มที่วัดผลได้ในระยะยาว รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะช่วยบริหารจัดการต้นทุนและส่งมอบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรได้อย่างแท้จริง

“ในขณะที่ธุรกิจกำลังก้าวเข้าสู่โลกการเงินสมัยใหม่ด้วยวิสัยทัศน์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีมากขึ้น เรามองว่า มีความสำคัญอย่างมากที่องค์กรจะต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการเปลี่ยนผ่านหน่วยงานด้านไฟแนนซ์และบัญชีไปสู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในเชิงบวกและมูลค่าเพิ่มที่จับต้องได้ให้กับองค์กรในระยะยาว” นาย คริส กล่าว

สอดคล้องกับผลสำรวจ Finance Insights – Reimagined ของ PwC ที่ได้จัดทำร่วมกับ The Association of Chartered Certified Accountants (ACCA) พบว่า มีเพียง 37% ของผู้ถูกสำรวจ จากจำนวนผู้ถูกสำรวจทั้งสิ้นกว่า 3,500 คนทั่วโลกที่ปัจจุบันมีการนำแนวคิดพันธมิตรทางธุรกิจมาผนวกเข้ากับกลยุทธ์และกระบวนการตัดสินใจขององค์กร และแม้ว่า 78% ของผู้ถูกสำรวจระบุว่า ความสำคัญของบทบาทการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจจะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยการใช้ข้อมูลเชิงลึกทางการเงิน จะกลายเป็นช่องทางหลักในการประเมินผลการดำเนินงานขององค์กรว่า สามารถดำเนินงานได้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และทำให้ทราบว่า ปัจจัย หรือตัวแปรใดที่เป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายในการทำธุรกิจขององค์กร

อย่างไรก็ดีเป็นที่ทราบดีว่า หน้าที่หลักของฝ่ายการเงินและบัญชีเกี่ยวข้องกับการจัดทำ จดบันทึก กำกับดูแล และนำเสนอการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินและการบัญชีอย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจแก่ผู้บริหาร โดยเดิมทีจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการประมวลผลธุรกรรม แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ ส่งผลให้บุคลากรของทั้ง 2 ฝ่ายงานสามารถประหยัดเวลาจากการทำงานที่ทำซ้ำ ๆ (Routine work) และสามารถหันมาวิเคราะห์และนำข้อมูลที่ได้มีการประมวลผลโดยระบบอัตโนมัติมาใช้ได้ทันที เช่นเดียวกับทักษะของบุคลากรที่ต้องมีการพัฒนาและได้รับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการประยุต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ โดยพนักงานของทั้ง 2 ฝ่ายงานต้องมีทักษะที่หลากหลายกว่าเดิม และต้องมีกระบวนการทางความคิดที่มีความเข้าใจในโลกธุรกิจ (Commercially aware mindset) เป็นอย่างดีด้วย

ทั้งนี้ จากรายงานฉบับเดียวกันของ PwC และ ACCA ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาระดับโลกที่ได้รับการรับรองจากผู้สำเร็จการศึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิชาการบัญชียังพบด้วยว่า 55% ของผู้ถูกสำรวจกล่าวว่า วิชาชีพที่ตนทำอยู่มีแนวโน้มอาจถูกแทนที่ได้ภายใน 5 ปี หากไม่ได้รับการยกระดับทักษะที่เหมาะสม

“การที่องค์กรไทยจะปรับเปลี่ยนบทบาทของหน่วยงานภายใน เช่น ฝ่ายการเงิน ไปสู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจได้นั้น จำเป็นจะต้องมีการวางแผนและประเมินรูปแบบการดำเนินงานทั้งหมดของฟังก์ชันอย่างรอบคอบ รวมทั้งมีการกำหนดกลยุทธ์ทางการเงิน กระบวนการทางด้านเทคโนโลยี ตัวชี้วัดประสิทธิภาพ และรูปแบบการกำกับดูแล รวมไปถึงการพัฒนาคู่มือการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มีโครงสร้างและรูปแบบการดำเนินงานที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถนำไปใช้งานได้จริงและเกิดประสิทธิผลสูงสุด” นายคริส กล่าว