HoonSmart.com>> บลจ.บัวหลวง หวังวัคซีนต้านโควิด-19 ตามนัด ไทยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ หนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวปี 64 ชี้จังหวะเก็บหุ้นแบงก์ ท่องเที่ยว โรงพยาบาล โอกาสฟื้นตัว 20-30% พร้อมเปิดตัวกองทุน BMAPS จัดพอร์ตลงทุนตามระดับความเสี่ยงผ่าน 3 กองทุน กระจายลงทุนทั่วโลก เปิดขาย 7-14 ต.ค.นี้
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง เปิดผยว่า แนวโน้มการลงทุนยังมีความผันผวน แม้มองเศรษฐกิจจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมาและอยู่ในช่วงการฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอปัจจัยบวกจากวัคซีนต้านโควิด-19 รวมถึงความชัดเจนของการเปิดประเทศของไทยว่าจะสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น และส่งผลให้ตลาดหุ้นกลับมาน่าสนใจมากขึ้น โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2564
อย่างไรก็ตามมองว่าหากเศรษฐกิจฟื้นตัว ตลาดหุ้นจะมัสัญญาณการฟื้นตัวได้ก่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มโรงพยาบาล จึงมองไตรมาส 4/2563 นี้เป็นจังหวะดีในการทยอยสะสมทั้ง 3 หุ้นกลุ่ม เบื้องต้นมองว่ามีโอกาสฟื้นตัวประมาณ 20-30% ส่วนเงินลงทุนต่างชาติมีโอกาสกลับมาลงทุนเช่นกัน หากไทยกลับมาเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบและปลอดภัยจาโควิด-19
“ช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนควรเก็บหุ้นกลุ่มแบงก์ ท่องเที่ยว โรงพยาบาล อย่างหุ้นกลุ่มแบงก์สามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามปกติ ราคาหุ้นแบงก์จะกลับมาสะท้อนทันที รวมถึงหุ้นกลุ่มเที่ยวกับท่องเที่ยวและโรงพยาบาล ส่วนดัชนีปี 63 มองว่าจะทรงตัว แม้ว่ามีกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนสำรองเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จะมีเข้ามามากขึ้นก็ตาม แต่ของกองทุนดังกล่าวมีการลงทุนในต่างประเทศหลายกองทุน ขณะที่นักลงทุนหันมากระจายความเสี่ยงไปยังต่างประทเศมากขึ้น ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปีนี้ทรงตัว” นายพีรพงศ์ กล่าว
นายพีรพงศ์ กล่าวว่า ล่าสุดบลจ.บัวหลวง เปิดตัวกองทุน BMAPS ทั้งหมด 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดบัวหลวงบีแมพส์ 25 (BMAPS25) กองทุนเปิดบัวหลวงบีแมพส์ 55 (BMAPS55) และกองทุนเปิดบัวหลวงบีแมพส์ 100 (BMAPS100) ซึ่งลงทุนผ่านกองทุนหน่วยลงทุน (Fund of Funds) ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.บัวหลวง ที่มีการจัดสรรในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก (Asset Allocation) ให้นักลงทุนตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และตามความคาดหวังของผลตอบแทนการลงทุนเพื่อความมั่นคงทางการเงิน โดยเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 7-14 ต.ค.2563 ในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท มูลค่าการซื้อขั้นต่ำ 500 บาท
“นักลงทุนมักสอบถามเข้ามาว่า ซื้อกองทุนไหนดี ขายกองทุนช่วงไหน หรือไม่รู้จะเลือกกองทุนไหน กองทุนบัวหลวงจึงเปิดตัว BMAPS เป็นมิตรแท้ตลอดเส้นทางลงทุน ทำหน้าที่เหมือนผู้นำทาง (Navigator) ช่วยจัดสรรสินทรัพย์ให้ พร้อมจัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญมาดูแลพิจารณาโอกาสและความเสี่ยงต่างๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนที่มีวัตถุประสงค์และความคาดหวังจากการลงทุนแตกต่างกัน เลือกลงทุนง่ายๆ ผ่านกองทุนต่างๆ ที่จัดสัดส่วนให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้” นายพีรพงศ์ กล่าว
สำหรับแนวทางการจัดพอร์ตของ BMAPS ทั้ง 3 กองทุน มีดังนี้ BMAPS25 จะลงทุนในตราสารทุนไม่เกิน 25% ส่วนที่เหลือเป็นทรัพย์สินทางเลือก เช่น กองทุนทองคำ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และตราสารหนี้ เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย
BMAPS55 จะลงทุนในตราสารทุนไม่เกิน 55% ส่วนที่เหลือเป็นทรัพย์สินทางเลือก เช่น กองทุนทองคำ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และตราสารหนี้ เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง ส่วนBMAPS100 จะลงทุนในตราสารทุนได้ถึง 100% เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง
นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน กองทุนบัวหลวง กล่าวว่า กระบวนการลงทุนของ BMAPS จะมีทีมงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะดูแล ประกอบด้วย ผู้จัดการกองทุน BMAPS ที่ประมวลผลการตัดสินใจการลงทุนตามปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ข้อมูลจากผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ข้อมูลวิเคราะห์จากทีมวิจัย และมีคณะอนุกรรมการการจัดสรรทรัพย์สิน (Asset Allocation Sub Committee) ทำหน้าที่ให้มุมมองการลงทุนในแต่ละทรัพย์สิน ในทุกภูมิภาคทั่วโลก เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้จัดการกองทุน BMAPS ลงทุนในแต่ละกองทุน ให้เป็นไปตามความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ โดยจะมีการปรับพอร์ตลงทุนทุก 1 เดือน
ส่วนเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) ของกองทุน BMAPS จะเป็นดัชนีตามประเภทหลักทรัพย์ที่จะลงทุนจริง ตามนโยบายการลงทุนของทั้ง 3 กองทุน
นายพีร์ ยงวณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ Head of Risk Management กองทุนบัวหลวง กล่าวว่า บริษัทเห็นความสำคัญเรื่องการบริหารความเสี่ยง และดูแลการลงทุนเป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้ลงทุนไว้วางใจได้ว่า เมื่อลงทุนกับ BMAPS แล้ว ก็เหมือนมีผู้ช่วยคอยดูแลพอร์ตการลงทุนให้อย่างสม่ำเสมอ ทีมงานความเสี่ยงทำหน้าที่ให้ข้อมูล และเน้นย้ำให้ผู้จัดการกองทุนตระหนักถึง ความผันผวนที่ผ่านมาในอดีต รวมถึงการคาดการณ์ความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนได้ใช้ข้อมูลในการปรับการลงทุน ให้อยู่ในระดับความผันผวนและความเสี่ยงตามกรอบที่วางไว้
นายพีรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนในยุคนี้เผชิญความท้าทายมากขึ้น จากปัจจัยแวดล้อม ทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดมีโอกาสผันผวนได้มากกว่าในอดีต โดยในส่วนของเศรษฐกิจน่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 หลังจากนี้ก็อยู่ในช่วงการฟื้นตัวต่อเนื่อง หากในปี 2564 เริ่มมีวัคซีนโควิด-19 ใช้ในวงกว้าง ก็จะเป็นผลดีทำให้สามารถเปิดประเทศได้เต็มรูปแบบ นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยกลับมาเดินทางได้ตามปกติใน 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งตลาดการลงทุนก็จะซื้อขายบนความคาดหวังในปัจจัยเหล่านี้
“ไม่ว่าภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร ผู้ลงทุนก็ควรจะลงทุนอย่างต่อเนื่อง (Stay Invested) เพื่อสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน โดยจำเป็นต้องลงทุนในระยะยาว จึงจะเห็นดอกผลอย่างชัดเจน และอย่าไปหวั่นไหวกับความผันผวนรายวันของตลาดหุ้น เพราะในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงมาก นักลงทุนอาจจะตัดสินใจบนอารมณ์ มากกว่าเหตุผล ทำให้อาจเกิดความผิดพลาดได้ หรือในกรณีที่ไม่มีเวลาติดตามตลาด การลงทุนกับกองทุน BMAPS จะช่วยตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนได้ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล” นายพีรพงศ์ กล่าว