TSR แตกไลน์ธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็ง คว้าบิ๊กดีลร้าน Amazon เฟสแรกกว่า 22 ลบ.

HoonSmart.com>> “เธียรสุรัตน์” ประกาศบิ๊กดีลหลังแตกไลน์ธุรกิจใหม่ คว้าสัญญาขายเครื่องทำน้ำแข็ง Alpine Water ในร้านกาแฟ Amazon มูลค่ากว่า 22 ล้านบาท บิ๊กบอส “เอกรัตน์ แจ้งอยู่” มั่นใจช่วยผลักดันรายได้ปี 63 โตเกิน 10% ตามแผน แย้มลูกค้าร้านอาหาร – ร้านกาแฟ จ่อคิวเพียบ

นายเอกรัตน์ แจ้งอยู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เธียรสุรัตน์ (TSR) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจจากบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) เลือกใช้เครื่องทำน้ำแข็ง Alpine Water ในร้านกาแฟ Amazon โดยเฟสแรกมูลค่าใบสั่งซื้อรวมกว่า 22 ล้านบาท

“เรามีความมั่นใจในคุณภาพของสินค้า ในการผลิตน้ำแข็งใส ที่มีความสะอาดปลอดภัยและถูกหลักอนามัย มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งคุณภาพการผลิต อะไหล่และวัสดุนำเข้าจากยุโรป ตัวคอมเพรสเซอร์มีคุณภาพทนทาน ใช้งานได้นานหลายปี”นายเอกรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการร้านอาหาร และร้านกาแฟ หลายราย เพื่อเข้าไปขยายตลาดเครื่องทำน้ำแข็ง อีกทั้งเตรียมเข้าร่วมงาน Thailand Coffee Fest 2020 มหกรรมกาแฟยิ่งใหญ่ที่สุดใน SOUTH EAST ASIA ระหว่างวันที่ 1 – 4 ต.ค.2563 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

“มั่นใจว่าการแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็งของ TSR จะช่วยผลักดันรายได้และกำไร เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโต 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่แนวโน้มในปี 2564 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจากยอดขายเครื่องกรองน้ำ และจากธุรกิจเครื่องทำน้ำแข็ง โดยในส่วนของชุดเครื่องทำน้ำแข็ง จำหน่ายทั้งเงินสด บัตรเครดิต เงินผ่อน และให้เช่า มีราคาตั้งแต่ 5 หมื่นบาท ถึง 3 แสนบาท ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของลูกค้า ซึ่งเรามีจุดแข็งในเรื่องของการให้บริการหลังการขายที่เป็นระบบครบวงจร ต่างจากคู่แข่งในตลาด” นายเอกรัตน์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 แม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสูงถึง 46.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 19.90 ล้านบาท จากยอดขายเครื่องกรองน้ำที่เพิ่มขึ้น และบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กำไรต่อหุ้นของกลุ่มบริษัทในไตรมาสนี้เท่ากับ 0.086 บาท เพิ่มขึ้น 132.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.037 บาท และจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดจากงวดผลการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย.2563 ในอัตรา 0.085 บาท/หุ้น