SO เคาะราคาขาย IPO ที่ 6.50 บาท เปิดจอง 3-7 ต.ค.นี้

HoonSmart.com>>”สยามราชธานี” กำหนดราคาขายหุ้นที่ 6.50 บาท  P/E 16.70 เท่า สถาบันจองล้น เตรียมเข้าซื้อขายใน SET 14 ต.ค.

คมกฤต มีคำสัตย์

นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท สยามราชธานี (SO) ผู้ประกอบธุรกิจการจ้างเหมาบริการครบวงจรชั้นนำระดับประเทศ เปิดเผยว่า กำหนดราคาขายเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่หุ้นละ 6.50 บาท  หลังจากนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการซื้อเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต

ทั้งนี้บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 85 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้ประชาชนทั่วไป จำนวน 76.5 ล้านหุ้น แบ่งให้กับสถาบันราว 30% เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 3 – 7 ต.ค. 2563 คาดว่าหุ้นจะเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในวันที่ 14 ต.ค. 2563

“ราคาขายที่ 6.50 บาท คิดเป็นอัตราราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ 16.7 เท่า คิดจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่มี P/E อยู่ที่ 21 เท่า รวมถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มการเติบโตที่ดีของธุรกิจ Outsource ซึ่งถือเป็นทางเลือกการบริหารจัดการลดต้นทุน ลดภาระและเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่” นายคมกฤตกล่าว

ส่วนวัตถุประสงค์การระดมทุน SO จะนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมทั้งนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

จิรณุ กุลชนะรัตน์

ด้านนายจิรณุ กุลชนะรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SO เปิดเผยว่า การระดมทุนในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่อนาคตที่แข็งแกร่งเพื่อการพัฒนาและเจริญเติบโต อย่างยั่งยืน โดยบริษัทมีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจ ทั้งธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากรและธุรกิจให้เช่าและบริการ เช่น แผนเพิ่มจำนวนพนักงานที่ส่งไปปฏิบัติงานกับลูกค้าในธุรกิจจัดหาบุคลากร แผนขยายการลงทุนในธุรกิจบริการรถยนต์ให้เช่า รวมถึงบริษัทมีแผนพัฒนาโครงการพัฒนาด้านเทคโนโลยี (ระบบ Automation) เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วและความง่ายในการให้บริการลูกค้า และโครงการ HRM Solutions เพื่อให้บริการกับลูกค้าในส่วนงานทรัพยากรบุคคล เป็นต้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 64 -66

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักลูกค้าธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร ได้แก่ หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนที่อยู่ในหลากหลายประเภทธุรกิจครอบคลุม สถาบันการเงิน ประกันภัย โรงพยาบาล ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม เหล็ก อสังหาริมทรัพย์ พลังงานและปิโตรเลียม และโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงการไฟฟ้าภูมิภาค และการประปาภูมิภาค เป็นต้น

บริษัทมีจุดแข็ง ในเรื่องประสบการณ์บริหารและจัดการ Outsource มากว่า 40 ปี ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์คุณภาพและบริการหลากหลายครอบคลุม 2 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร 2.ธุรกิจให้เช่าและบริการ โดยนำความต้องการของลูกค้ามาต่อยอดการให้บริการและขยายธุรกิจ จึงสามารถสนองความต้องการลูกค้าได้ตรงจุด และสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมได้ประมาณ 90% มีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 12% ของรายได้ ทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ในทุกสถานการณ์เศรษฐกิจ

“เราทำงานมา 40 กว่าปี ไม่มีปีไหนที่ขาดทุน และบริษัทเติบโตมาเรื่อยๆ  เราไม่ได้เข้าตลาดเพื่อที่จะออก เราจะทำให้เติบโตแบบก้าวกระโดดมากขึ้น  ซึ่งปี 2564 คาดหวังรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%” นายจิรณุ กล่าว