ส.นักวิเคราะห์คาดหุ้นสิ้นปี 63 แผ่วเหลือ 1,300 จุด ชู ADVANC- BDMS-CPALL-HANA

HoonSmart.com>> สมาคมนักวิเคราะห์คาดการณ์หุ้นไทยสิ้นปี 63 อยู่ที่ 1,300 จุด ลดลงจากสำรวจรอบก่อนมองมี่ 1,383 จุด คาด GDP ปีนี้ติดลบ 7.81% ปีหน้าโต ต 3.91% ด้านกำไรบจ.ปีนี้หด EPS Growth ติดลบ 37% มองแนวโน้มไตรมาส 4 การเมืองกระทบตลาด แนะจัดพอร์ตถือเงินสด 20% ชูหุ้นเด่น “ADVANC- BDMS-CPALL-HANA”

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน แถลงผลการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต่อมุมมองในด้านการลงทุนและคาดการณ์ทิศทางดัชนีราคาหุ้นไทย (SET Index) ในไตรมาส 4 ของปี 2563 นี้ โดยคาดเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2563 อยู่ที่ระดับ 1,300 จุด ซึ่งน้อยกว่าผลสำรวจของไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 1,383 จุด

สำหรับปัจจัยที่มีผลบวกต่อดัชนีราคาหุ้นไทยในครึ่งหลังของปี 2563 ได้แก่ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก ผู้ตอบแบบสำรวจ 68.18% เทคะแนนให้อย่างชัดเจนว่าเป็นผลบวก รองลงมาผู้ตอบ 54.55% คาดว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา (FED) ส่วนปัจจัยอื่นๆ ไม่มีปัจจัยใดที่มีผู้ตอบถึง 50% ที่ระบุว่าเป็นบวก

ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลในด้านลบต่อตลาดทุนไทยในไตรมาส 4 ของปี 2563 ได้แก่ ปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ 100% รองลงมา คือปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ เป็นปัจจัยที่มีเสียงโหวต 70% ขึ้นไป รองลงมาสถานการณ์โควิด-19 เศรษฐกิจภายในประเทศ และ Fund Flow จากต่างประเทศสู่ตลาดทุนไทย 68.18% ตามลำดับ เป็นที่น่าสังเกตุว่าทิศทางดอกเบี้ยในประเทศนั้นผู้โหวตส่วนใหญ่มองว่าไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนในไตรมาส 4 โดยมีผู้โหวตเพียง 40.91% ที่มองว่าเป็นปัจจัยบวก แต่ไม่มีผู้ตอบที่มองแย้งว่าจะเป็นผลลบ


สำหรับภาพรวม GDP ปีนี้ คาดเฉลี่ยติดลบ 7.81% ส่วนปี 64 เฉลี่ยเติบโต 3.91% บนสมมติราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยของปี 2563 ที่ 40.42 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยคาดการณ์กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายคงที่ในไตรมาส 4/2563 อยู่ที่ 81% และคาดว่าปรับลดลง 0.25% มีเพียง 19%

นอกจากนี้คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 57.36 บาท ลดจากการสำรวจครั้งก่อน 65.44 คาด EPS Growth งบปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ -37%

สำหรับจุดสูงสุดของ SET Index ในช่วง ต.ค. ถึงสิ้นปี 2563 เฉลี่ยที่ระดับ 1,347 จุด โดย 70.59% คาดว่าดัชนีจะทำจุดสูงสุด 1,301 – 1,400 จุด และมีผู้ตอบแบบสอบถาม 23.53% ที่คาดว่าจุดสูงสุดจะอยู่ในช่วง 1,201 – 1,300 ตามลำดับและคาดการณ์จุดต่ำสุดของดัชนีราคาหุ้นไทย (SET Index) ระหว่างปีนับจากนี้มีค่าเฉลี่ยจุดต่ำสุด ที่ 1,198 จุด

ส่วนการจัดพอร์ตการลงทุน แนะนำ ให้มีเงินสด 20% ของพอร์ต และมีกองทุนตราสารหนี้ 18% ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงนั้น แนะนำให้แบ่งเงินลงทุนไว้ในหุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 21% รองลงมา ลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 20% ตามมาด้วย การแบ่งเงินลงทุนไว้ในทองคำ 10% และ กองทุนอสังหา/REIT 10% ตามลำดับ


สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ยังได้สอบถามความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนเกี่ยวกับ ข้อเสนอแนะว่าภาครัฐควรเร่งนโยบายเรื่องใดที่มีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่เสนอให้ภาครัฐใช้นโยบายการคลัง โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนให้มีกำลังซื้อ จำนวน 60% ของผู้ตอบ ได้แก่ ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ช่วยเหลือผู้ว่างงาน และกระตุ้นการบริโภคผ่านโครงการช้อปช่วยชาติ ฯลฯ ทั้งนี้มีผู้ตอบ 35% ที่เสนอให้เร่งโครงการลงทุนภาครัฐ มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน นอกเหนือจากข้อเสนอดังกล่าว ด้านการช่วยเหลือภาคธุรกิจ มีผู้ตอบ 25% ข้อเสนอได้แก่ มาตรการลดภาษีเร่งการลงทุนภาคเอกชนหรือการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

สำหรับรายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำโดยมีจำนวนสำนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 4 สำนักขึ้นไป มีดังนี้

1. ADVANC ปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้สมาร์ทโฟนมีสูงและต่อเนื่องใน New Normal

2. BDMS คาดว่าจำนวนรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นเนื่องจากปัจจัยฤดูกาล ประกอบกับการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ภายในประเทศไทยทำได้ดีจะเพิ่มความเชื่อมั่นในการเข้ารับบริการรักษาในพยาบาลภายเอกชนในประเทศเพิ่มขึ้น หากมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันที่ได้ผลดีและมีการกระจายออกสู่ในวงกว้างได้ครอบคลุม คนไข้ชาวต่างชาติจะเริ่มเดินทางกลับเข้ามารับการรักษาตัวในประเทศไทยได้

3.CPALL คาดว่าจะกลับไปเติบโตได้หลังโควิด รวมทั้งการเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ ทั้ง ลาว และ กัมพูชา

4.HANA ปัจจัยหนุน ได้แก่ 1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน 2.การกลับมาผลิตโรงงานในประเทศจีนของ HANA หลังรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ 3.ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า จะส่งผลดียอดคำสั่งซื้อของลูกค้า