หุ้นไทยดิ่งแรงสุดเอเชีย ตลท.ลั่นพร้อมใช้มาตรการสกัดเสี่ยง

HoonSmart.com>> ต่างชาติทิ้งหุ้นไทยไม่เลิก กดดัชนีทรุด 1.61% หนักกว่าเอเชียหลายตลาด ตามดาวโจนส์ฟิวเจอร์ กังวลการใช้เกณฑ์ชอร์ตเซลปกติ ซิลลิ่ง-ฟลอร์เปิดกว้าง 30% ในภาวะตลาดขาลง กลัวฉุดตลาด “ภากร”ปลอบไม่ต้องกังวล ตลาดตามติดสถานการณ์ หากมีความเสี่ยงเกิดขึ้น พร้อมศึกษาเกณฑ์ใหม่ดูแลการซื้อขาย เผยเดือนก.ย. ดัชนีติดลบ 5.61% กดไตรมาส 3 หายไป 7.62% รวม 9 เดือนดิ่ง 21.70%

วันที่ 30 ก.ย.ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,237.04 จุด กระแทกลงลึกถึง 1.61% แย่กว่าตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่ง เช่น ญี่ปุ่น ดัชนีนิคเคอิ -1.50% เกิดจากนักลงทุนต่างชาติขายหนัก 4,013 ล้านบาท โดยรวมทั้งเดือน ก.ย. ทิ้งมากถึง -23,189 ล้านบาท รวม 9 เดือนขายทั้งสิ้น 277,674 ล้านบาท

น.ส.จิตรา อมรธรรม รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส กล่าวว่า หุ้นปรับตัวลงแรงจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ ความกังวลการกลับมาใช้เกณฑ์ชอร์ตเซลปกติในวันที่ 1 ต.ค. ทำให้นักลงทุนกลัวต่างชาติอาจชอร์ตเซล ประกอบกับเพดานราคาหุ้นขึ้นสูงสุด (ซิลลิ่ง) และต่ำสุด (ฟลอร์) กลับมาใช้อัตราเดิม 30% ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ นักลงทุนกลัวหุ้นปรับตัวลง

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงหลังดีเบตชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบแรก น่าผิดหวัง ไม่มีนโยบายที่ชัดเจน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ไม่คืบ ซ้ำเติมตลาดหุ้นไทยลงลึกจากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่

สำหรับแนวโน้มวันที่ 1 ต.ค.ยังต้องจับตาตลาดหุ้นต่างประเทศ หากดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นอาจหนุนให้หุ้นไทยรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้าง แต่หากดาวโจนส์บวกแรงก็จะหนุนให้หุ้นไทยรีบาวด์ได้แรง เพราะอาจมี covered short ซื้อหุ้นกลับคืนได้เช่นกัน มองแนวต้านดัชนีที่ 1,260-1,265 จุด ส่วนแนวรับ 1,230-1,235 จุดซึ่งความเห็นสอดคล้องกับบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง

บล.โนมูระพัฒนสินประเมินความเสี่ยงต่อผลคะแนน Joe Biden ที่สูงขึ้นหลังดีเบต สร้างความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรตลาดสหรัฐฯ มี Downside จากนโยบาย เช่นการปรับโครงสร้างภาษี จะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงในเดือนต.ค.ผันผวน จากการปรับพอร์ตล่วงหน้าและคาดนักลงทุนบางส่วนทยอยเตรียมเงินรอประเมินผลกระทบจากมาตรการของตลาดในวันที่ 1 ต.ค.นี้

“กลยุทธ์ คงคำแนะนำถือหุ้นน้อย 25% และใช้เงินอีกราว 10% ของพอร์ต ถือ Short S50Z20 มองเป้าหมาย 777/750 จุด (ดีดตัวเหนือ 802จุด Stop loss) โดยหุ้นที่น่าสนใจเน้นถือ/ย่อซื้อ ส่งออกอาหาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องดื่ม ให้เลี่ยงกลุ่มพลังงาน ท่องเที่ยว กลุ่มนอนแบงก์ ” บล.โนมูระพัฒนสินระบุ

บล.เอเซียพลัสประเมิน หากนาย Joe Biden ชนะการเลือกตั้ง อาจกดดันให้เม็ดเงินลงทุนไหลออกจากสหรัฐ แล้วย้ายไปประเทศแถบอื่นๆ เอเซีย และบล.หยวนต้าคาดว่า นอกจากปัจจัยดาวโจนส์ล่วงหน้าพลิกมาอ่อนตัวลงและความกังวลการใช้เกณฑ์ชอร์ตเซลแล้ว ยังมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ที่ถูกกดดันจากแรงขายเพื่อจองหุ้น IPO แต่ หุ้นขนาดเล็ก-กลาง ยังทำผลงานได้ดี

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การกลับมาใช้เกณฑ์ชอร์ตเซล ซิลลิ่ง-ฟลอร์ปกติ มองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มควบคุมได้ดีขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น และอยู่ในระดับที่ไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตาม ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงติดตามปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นทั่วโลก หากมีความเสี่ยงเกิดขึ้นในอนาคต ก็พร้อมจะกลับมาศึกษากฏเกณฑ์ เพื่อใช้ในการดูแลตลาดหุ้นไทยต่อไป

หุันที่ปรับตัวลงแรงอย่างต่อเนื่องในเดือนก.ย. ปิดที่ระดับ 1,237.04 จุด ลดลง 5.61% จากเดือนส.ค.ที่ผ่านมา และส่งผลให้ภาพรวมในไตรมาส 3/2563 (ก.ค.-ก.ย.) ดัชนีลดลง -101.99 จุดหรือ -7.62% เทียบกับไตรมาส 2 ปิดที่ 1,339.03 จุด รวม 9 เดือนปีนี้ ดัชนีทรุดลง -342.8 จุดหรือ -21.70% จากระดับ1,579.84 จุดเมื่อสิ้นปี 2562 ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจก็หดตัวลงแรง ธนาคารโลกคาดปีนี้ -8.3% ปีหน้า ฟื้นโต 4.9% ต่ำกว่าที่ ธปท.คาดปีนี้หดตัว -7.8% และปีหน้าเติบโต3.6% ขณะที่ บล. เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) คาดปีนี้จะติดลบเพียง 3% ดีกว่าที่คาดเมื่อต้นปีคาดว่าหดตัวประมาณ 9-10%