ดาวโจนส์ดีดกลับ 181 จุดความขัดแย้งการค้าสหรัฐ-อียูคลี่คลายนักลงทุนเกาะติดการเรียกเก็บภาษีกับจีนที่มีผลวันนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 5 ก.ค.ที่ 24,356.74 จุด เพิ่มขึ้น 181.92 จุด หรือ 0.75% จากที่ลดลงติดต่อกันในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากรายงานข่าวว่าทั้งสหรัฐและสหภาพยุโรปจะยุติการเรียกเก็บภาษีรถยนต์ระหว่างกัน
รายงานข่าวรอยเตอร์ระบุว่าเอกอัครราชฑูตสหรัฐประจำเยอรมนีแจ้งต่อผู้บริหารธุรกิจรถยนต์ในเยอรมนีว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะยุติการเรียกเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรป เพื่อแลกกับการที่สหภาพยุโรปจะยกเลิกการเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐ
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีแองเจลา แมร์เคิลจากเยอรมนีกล่าวว่าอาจจะพิจารณาลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังเกาะติดการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐที่มีต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ารวม 34 พันล้านดอลลาร์ที่มีผลในวันนี้ ซึ่งจีนได้ประกาศที่จะตอบโต้
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นเฟียตไคร์สเลอร์เพิ่มขึ้น 6%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นไมครอนเพิ่มขึ้น 2.6% หลังจากยอมรับว่าจีนห้ามจำหน่ายชิปที่บริษัทผลิต แต่ก็มีผลกระทบต่อรายบได้ไม่มากนัก
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,736.61จุด เพิ่มขึ้น 23.39 จุด, +0.75%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,586.43จุด เพิ่มขึ้น 83.75 จุด, +1.12%
ทางด้านตลาดยุโรปกลับมาปิดบวกหลังจากรายงานข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญานยุติการเรียกเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรปและนายกรัฐมนตรีแองเจลา แมร์เคิลจากเยอรมนีกล่าวว่าอาจจะพิจารณาลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มยานยนต์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,603.22 จุด เพิ่มขึ้น 30.13 จุด, +0.40%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 381.59 จุด เพิ่มขึ้น 1.54 จุด, +0.41%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,366.32 จุด เพิ่มขึ้น 45.82 จุด, +0.86%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,464.29 จุด เพิ่มขึ้น 146.68 จุด, +1.19%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 85 เซนต์ ปิดที่ 77.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล