“ทริส” คงเครดิต “CWT” ระดับ BB+ มอง 2 ปี รายได้แตะ 2.4 พันล.

HoonSmart.com>ทริสเรทติ้ง ประกาศคงเครดิตองค์กร “CWT” ที่ระดับ “BB+” พร้อมจัดอันดับเครดิตให้เป็น “Stable” หลังปรับแผนชำระหนี้หุ้นกู้ เสริมสถาพคล่องการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ มองปี 2565 รายได้แตะ 2.4 พันล้านบาท จากธุรกิจเรือและมินิบัส 

 

วันที่ 25 ก.ย. 2563 บริษัท ทริสเรทติ้ง ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป ( CWT ) ให้เป็น “Stable” หรือ “คงที่”  ที่ระดับ BB+  สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในระยะสั้นที่ลดลง หลังจากบริษัทสามารถขยายระยะเวลาครบกำหนดหุ้นกู้ CWT205A และชำระคืนหุ้นกู้ CWT209A ได้ ด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทน เป็นแผนกลยุทธ์หนึ่ง เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน

ทริสเรทติ้ง คาดว่า รายได้จากการดำเนินงานรวม จะฟื้นตัวในปี 2564 และแตะระดับ 2.4 พันล้านบาท ในปี 2565 จากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อเบาะหนังรถยนต์และรายได้ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจใหม่อย่างธุรกิจเรือและมินิบัส ที่ทำด้วยอะลูมีเนียม

ก่อนหน้านี้ CWT ได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นกู้ ในการแก้ไขข้อกำหนดและเงื่อนไขของหุ้นกู้ CWT205A มูลค่า 337.1 ล้านบาท  บริษัทได้ชำระคืนยอดคงค้างจำนวน 30% หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 101.13 ล้านบาท ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2563 ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 235.97 ล้านบาท ได้ขยายระยะเวลาออกไป 1 ปี เป็นครบกำหนดวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 นอกจากนั้น ได้ชำระคืนหุ้นกู้ CWT209A มูลค่า 294.3 ล้านบาท ที่ครบกำหนดวันที่ 1 กันยายน 2563 ได้ด้วยการออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทน

นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ  CWT เผยว่า  ธุรกิจหลักดั้งเดิมของ CWT คือธุรกิจฟอกหนังยาวนาน  เป็น 1 ในผู้ประกอบการฟอกหนังรายใหญ่ของประเทศ ผลิตภัณฑ์ทำจากวัตถุดิบคุณภาพสูง บริษัท ฯ บริหารจัดการธุรกิจฟอกหลังให้มีสัดส่วนกำไรอยู่ในระดับที่เหมาะสมได้อย่างน่าพอใจเช่นเดิม หากแต่ผลประกอบการโดยรวมในปี 2563 ย่อมลดลงไปบ้างจากจำนวนออเดอร์ที่ลดลงอย่างชัดเจนตามกระแสในปัจจุบัน

ด้านธุรกิจพลังงาน ที่บริษัทเริ่มเข้าไปดำเนินการ เป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรได้เป็นอย่างดี มีรายได้มั่นคงและต่อเนื่อง ซึ่งช่วงกลางปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าลงนามบริหารจัดการขยะชุมชนให้กับเทศบาลนครนครสวรรค์ อันจะเป็นโครงการต้นน้ำเพื่อพัฒนาสู่การทำ โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิง RDF ในพื้นที่ใกล้เคียงและโครงการอื่น ๆ ต่อไป

ขณะที่ธุรกิจน้องใหม่ในวงการยานยนต์ ที่เข้าไปลงทุนใน “บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด” นั้น ปัจจุบันกำลังเติบโตไปได้อย่างก้าวกระโดด เป็นที่สนใจของผู้ผลิตสัญชาติไทย ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้นและทีมบริหาร เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรถและเรือตัวถังอะลูมิเนียม ที่ได้มาตรฐานระดับสากลมายาวนาน  อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนและร่วมลงทุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ  (สวทช.)  เพื่อพัฒนาและผลักดันให้นวัตกรรม แบรนด์ไทยแข่งขันสู่ตลาดสากลได้ ซึ่ง ‘สกุลฎ์ซี’ กำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากในวงการยานยนต์ ในฐานะผู้ร่วมลงทุน จะรับรู้รายได้มากขึ้นอย่างชัดเจน ช่วงปี 2564-2565