เตือนเลี่ยงลงทุน “หุ้นเล็ก-กลาง” พี/อีสูง

อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เตือนนักลงทุนเลี่ยงซื้อ “หุ้นเล็ก-กลาง” ที่มีค่าพี/อีสูง ชี้ผู้ถือหุ้นใหญ่พร้อมถล่มขายออก เพราะมีต้นทุนที่ต่ำ แนะลงทุน “18 หุ้นหลุมหลบภัย” ป้องกันผลกระทบสงครามการค้าโลก

นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASP) และอุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีค่าพี/อีสูงๆ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะลดลงมาก เพราะในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ได้หุ้นมาด้วยต้นทุนที่ต่ำจะเทขายหุ้นออกมาจนหุ้นบางตัวราคาติดฟลอร์ เพราะเป็นราคาที่ได้ยังมีกำไร

“หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมาร์เก็ตแคป 2-3 หมื่นล้าน ที่ราคาวิ่งไปมากจนค่าพี/อี 40-50 เท่า บางตัวพี/อี 90 เท่า อันนี้ต้องหลีกเลี่ยง ถ้ากำไรโตไม่ทันพี/อี และนักลงทุนรายใหญ่ที่ถือหุ้นอยู่เห็นว่าราคากำลังจะลง เขาจะเทขายออกมา เพราะเขายังมีกำไร และตอนนี้เรามีการเทขายหุ้นบางตัวออกขายจนติดฟลอร์เหมือนว่าบริษัทจะเจ๊ง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นภาพอย่างนี้กับหลายๆบริษัท จึงอยากให้นักลงทุนระมัดระวัง”นางภรณีระบุ

นางภรณี กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ประธานาธิบดีทรัมป์จะยังไม่มีท่าทีใดๆออกมาอีก ในขณะที่การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าตอบโต้กันไปมาระหว่างสหรัฐและจีนจะมีผลในวันที่ 6 ก.ค.นี้ แต่ประเด็นสงครามการค้าโลกพร้อมจะเป็นปัจจัยลบให้กับตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกทันที หากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากคู่ค้าเพิ่มเติม ดังนั้น นักลงทุนควรจัดสรรเงินลงทุน 40% เข้าลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลก

สำหรับหุ้นที่แนะนำมี 18 บริษัท ได้แก่ กลุ่ม Domestic Play คือ สาธารณูปโภคพื้นฐาน ได้แก่ TTW ,RATCH ,EASTW การบริโภคในประเทศ ได้แก่ BJC , DTAC , ADVANC ก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ CK ,LH ,WHA , AMATA กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น BBL ,KBANK ,PLANB ,STANLY ,HANA และกลุ่ม Global Play คือ อาหารส่งออก ได้แก่ CPF ,GFPT ,TU