HoonSmart.com>>ทำใจหุ้นขาลงอีกหลายวัน สถาบันไทยจำเป็นต้องขาย ระดมเงินสด ไว้จ่ายคืนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สมาชิกข้าราชการเกษียณอายุเดือนก.ย. เตรียมจ่ายค่าหุ้น บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง กว่า 2 หมื่นล้านบาท ไม่แตะเงินสดที่มีไว้ 10-15% รอเก็บของถูก แนวรับต่อไป 1,250 และ 1,200 จุด ด้านกนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% คาดเศรษฐกิจปีนี้หดตัวน้อยลงแค่ -7.8% ส่งออกเดือนส.ค.ดีกว่าคาด – 7.9% ทั้งปีติดลบในช่วง 5-8% จับตามการชุมนุม 24 ก.ย.
วันที่ 29 ก.ย. ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งเขียวแล้ว ส่วนไทยพยายามยืนบวก แต่ฝืนไม่ไหว ดัชนีปิดที่ 1,264.01 จุด ลดลง -3.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 50,707.09 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทอ่อนตัวต่อ 31.50 บาท ระดับต่ำที่สุดในรอบ 1 เดือน
ด้านนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 903 ล้านบาท สถาบันขายตาม 575 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,286 ล้านบาทและบัญชีบล.ซื้อ 192 ล้านบาท ถือว่านักลงทุน 2 กลุ่มใหญ่ขายน้อยลงเทียบกับ วันที่ 22 ก.ย.สถาบันทิ้งหนักถึง 3,275 ล้านบาท ต่างชาติขาย 1,417 ล้านบาท รวม 4,692 ล้านบาท 21 ก.ย.สถาบันขายหนัก 2,719 ล้านบาท ต่างชาติขาย 1,889 ล้านบาท รวม 4,608 ล้านบาท โดยรวมเดือนก.ย.(1-23 ก.ย.) ต่างชาติขายนำสุทธิ 14,318 ล้านบาท สถาบันตาม 10,869 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากนักลงทุนสถาบัน เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ยังมีโอกาสเห็นนักลงทุนสถาบันขายหุ้นอย่างมาอย่างหนักหน่วง จะมาจาก 3 ปัจจัย คือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ที่บริหารเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับหน่วยงานราชการ จะต้องขายหุ้นเพื่อนำเงินให้สมาชิกที่จะเกษียณสิ้นเดือนก.ย.นี้ ปกติจะขาย 1-2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนก.ย.นี้ ส่วนแรงขายอีกส่วนหนึ่ง อาจนำเงินเตรียมซื้อหุ้น IPO ของ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) และปัจจัยสุดท้ายคือขายเพราะภาวะตลาดไม่ดี ไม่มีข่าวบวกสนับสนุน
” กองทุนต้องขายหุ้นออกมาเพื่อนำเงินไว้ใช้ในระยะสั้น แม้ว่ากองทุนส่วนใหญ่จะถือเงินสดไว้ประมาณ 10-15% เนื่องจากมองทิศทางตลาดหุ้นยังถูกปัจจัยลบกดดันตลาดมีความไม่แน่นอน แต่จะไม่แตะเงินสดส่วน 10-15% นี้ เพื่อรอรับสถานการณ์เผื่อหุ้นตก ไม่บาดเจ็บมากและมีเงินรอซื้อหุ้น แนวรับต่อไป 1,250 และ 1,200 จุด” เพราะยังมีปัจจัยลบอีกมาก เช่น วันที่ 24 ก.ย. มีนัดชุมนุมทางการเมือง” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับกลุ่มหุ้นที่ตกเป็นเป้าหมายในการขายของสถาบันและต่างชาติ หนีไม่พ้นหุ้นขนาดใหญ่ ในกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคารพาณิชย์ สื่อสาร และค้าปลีกที่ถือไว้ในพอร์ตจำนวนมาก จึงไม่แปลกที่นักวิเคราะห์แนะนำให้เก็งกำไรหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีโอกาสปรับตัวได้ดีกว่าตลาด
ด้านน.ส.วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า หุ้น SCGP ได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) จำนวน 18 ราย รวมทั้งสิ้น 676.53 ล้านหุ้นหรือประมาณ 60% ของจำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายครั้งนี้ (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) แบ่งเป็นสถาบันไทย 14 ราย จอง 600 ล้านหุ้น คาดมูลค่า 21,000 ล้านบาท และสถาบันต่างประเทศ 4 แห่ง ซื้อ 76.53 ล้านหุ้น ใช้เงิน 2,678.55 ล้านบาท กำหนดราคาสูงสุดที่ 35 บาทต่อหุ้น จากช่วงราคาเบื้องต้น 33.50-35 บาท
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี ตามคาด โดยประเมินว่าเศรษฐกิจดีขึ้น คาดว่าในปี 2563 จะหดตัว -7.8% จากเดิมคาด -8.1% ส่วนปี 2564 คาดว่า จะขยายตัว 3.6% จากเดิมคาด 5% โดยเศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอนไปทางด้านต่ำจากปัจจัยในและนอกประเทศ
ด้านการส่งออกในเดือนส.ค. หดตัว -7.9% น้อยกว่าที่คาดไว้ รวม 8 เดือนหดตัว -7.8% กระทรวงพาณิชย์คาดว่าทั้งปีจะหดตัวในกรอบ -5 ถึง -8% ไม่ทรุดถึงสองหลักอย่างที่หลายฝ่ายประเมิน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการการส่งออกไทยปี 2563 หดตัวที่ 12% มองว่ายังเผชิญสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความเสี่ยงสูง ประกอบกับทิศทางค่าเงินบาทที่มีความผันผวนอย่างมาก ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันการค้าโลกและเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า