“FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำต่อไปจนถึงปี 2023 เป็นอย่างน้อย”

MARKET INSIGHT รายงานภาวะตลาด ประจำวันที่ 21 – 25 ก.ย. 2563
Highlight ประจำสัปดาห์

๐ ในสัปดาห์ที่ผ่านนมาตลาดหุ้นส่วนใหญ่ค่อนข้างผันผวน หลังจากอาทิตย์ก่อนหน้าที่ตลาดรับรู้ข่าวร้ายเรื่องโครงการพัฒนาวัคซีนต้าน COVID-19 ระหว่างบริษัทยา AstraZeneca และมหาวิทยาลัย Oxford ประเทศอังกฤษ จำเป็นต้องหยุดชะงักชัวคราว ทำให้การทดลองวัคซีนในขั้นสุดท้ายอาจมีความล่าช้ากว่าที่คาด ขณะที่จานวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยังสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีปรับลงแรงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีทั้งรัฐบาลและธนาคารกลางในหลายประเทศต่างเร่งออกมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว

๐ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยที่ระดับบต่ำ โดยการประชุมครั้งล่าสุดในวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา FED มีมติ 8 ต่อ 2 ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0-0.25% และอาจคงอัตรานี้ไปจนถึงปี 2023 นอกจากนี้ FED ยังระบุวา่ จะเข้าซื้อสินทรัพย์ที่อัตราปัจจุบันอย่างน้อยเดือนละ 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแบ่งเป็นพันธบัต รรัฐบาลเดือนละ 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ และตราสารหนี้ที่่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐเดือนละ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

๐ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. ฟื้นตัวจากัด จากตัวเลขยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน ส.ค.ขยายตัวที่ระดับ 0.6% MoM ซึ่งต่ำกว่าเดือนที่แล้วอยู่ -0.3% MoM ขณะที่ผ ลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือน ส.ค. ขยายตัวลดลงจากระดับที่ 3.5% MoM เป็ น 0.4% MoM เนื่องจากผลผลิตในกลุ่มยานยนต์หดตัวถึง -3.7%MoM เป็นผลสืบเนื่องจากผลกระทบของพายุโซนร้อนที่กดดันการกลั่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

๐ ยอดการส่งออกของญี่ปุ่นในเดือน ส.ค. ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าตัวเลขการส่งออกยังอยู่ในแดนหดตัวแต่จะเห็นว่าการส่งออกฟื้นตัวดีขึ้นจากที่ระดับ -19.2%YoY ในเดือนก่อ นเป็นที่ระดับ -14.8%YoY จากยอดการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึง ASEAN ที่ยังคงติดลบเป็นผลมาจากกิจกรรมภาคต่างประเทศที่ยังอ่อนแอและสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ภายนอกประเทศ

๐ กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนในเดือน ส.ค. ปรับตัวขึ้น จากยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน ส.ค. กลับมาขยายตัวจาก -1.1% YoY ในเดือนก่อนเป็นที่ระดับ 0.5%YoY เช่นเดียวกับตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม(Industrial Production) ปรับตัวดีขึ้น จาก 4.8%YoY เป็นระดับ 5.6%YoY เนื่องจากอุปสงค์โลกมีแนวโน้มฟื้นตัวและรัฐบาลทยอยผ่อนปรนมาตรการที่เข้มงวดต่อเนื่องหลังการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ในระลอกสองของจีนเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น

ตลาดตราสารทุน

ตลาดหุ้นไทย : แนะนำคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย
ตลาดหุ้นเกาหลี : แนะนำเพิ่มการลงทุนในหุ้นเกาหลี
ตลาดหุ้นจีน : แนะนำเพิ่มการลงทุนในหุ้นจีน A-Shares และคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีน H-Shares
ตลาดหุ้นยุโรป : แนะนำคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นยุโรป
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : แนะนำคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นอินเดีย : แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นอินเดีย