HoonSmart.com>>บล.หยวนต้าฯยืนยันเชียร์ธนาคารกรุงเทพ เงินกองทุนขั้นที่ 1 เดิม ผ่าน Stress Test ของธปท.แล้ว เติมเพิ่มเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง 16-17% กำไรไตรมาส 3 ฟื้น รวมทั้งปีโกย 28,200 ล้านบาทลดลง 21% ส่วนบล.ดีบีเอสฯ แนะซื้อหุ้นธนาคารกสิกรไทย ลดทุนเพียง 1% หนุนกำไรต่อหุ้น-ROE เพิ่มขึ้นน้อย
วันที่ 17 ก.ย. 2563 นักลงทุนยังไม่หยุดขายหุ้นกลุ่มแบงก์ ดัชนีปิดที่ระดับ 255.88 จุด -2.71 จุดหรือ-1.05% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4,450 ล้านบาท นำโดยธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ปิดที่ 78.50 บาท ลดลง 1.25 บาทหรือ 1.57% มูลค่าการซื้อขาย 1,576 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ปิดที่ 99 บาท ติดลบ 1 บาทหรือ 1% และธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) ปิดที่ 67.75 บาท ลดลง 0.75 บาทหรือ 1.09%
บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ”หุ้น BBL ราคาเป้าหมาย 126 บาท/หุ้น จากการสอบถามธนาคารเรื่องการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนมูลค่าประมาณ 23,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5% ต่อปี เพื่อต้องการให้เงินกองทุนขั้นที่ 1 กลับไปที่ 16-17% เท่ากับในอดีต เนื่องจากไตรมาส 2 ลดลงเหลือ 14% หลังรวมงบกับธนาคารเพอร์มาตา อินโดนีเซีย และผลทดสอบ Stress Test เบื้องต้น หลังใช้ Severe Scenario ของ ธปท. ระบุว่าเงินกองทุนของ BBL ยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัยและเพียงพอภายใต้วิกฤต
นอกจากนี้การเลือกออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน หรือ Perpetual Bond ทำให้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยจ่ายถูกบันทึกในส่วนของผู้ถือหุ้น ไม่กระทบต่อต้นทุนทางการเงินและกำไรสุทธิในงบกำไรขาดทุน รวมถึงภาวะตลาดดอกเบี้ยต่ำในปัจจุบัน เอื้อต่อการออกขายและเงินที่ได้รับเป็นเงินดอลลาร์ที่สามารถไปให้กับสินเชื่อต่างประเทศเงินดอลลาร์ได้
“แค่เงินกองทุนขั้นที่ 1 เดิมก็ผ่าน Stress Testแล้ว เรายังชอบ BBL เนื่องจากฐานะการเงินแข็งแรง ผลการดำเนินงานจะค่อยๆฟื้นตัว ส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 ยังสูงกว่าขั้นต่ำตามเกณฑ์ของ ธปท. ที่ 9.5% ปัจจุบันธนาคารเพอร์มาตามีเงินกองทุนขั้นที่ 1อยู่ที่ 20.2% และจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 30% หลังรวมกับ BBL Indonesia ส่วนผลงานไตรมาส 3 โตขึ้น จากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นและการตั้งสำรองที่จะผ่อนคลายลงหลังตั้งสำรองก้อนใหญ่ไปแล้วในครึ่งปีแรก รวมทั้งเริ่มรวมงบการเงินของเพอร์มาตา คาดว่าปีนี้ BBL จะมีกำไรสุทธิ 28,200 ล้านบาทลดลง 21.3%ตามเดิม”บล.หยวนต้าระบุ
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” หุ้น KBANK ให้ราคาเป้าหมาย 107 บาท/หุ้น หลังจากลดทุนชำระแล้ว หุ้นในส่วนที่ซื้อคืนจำนวน 23.9 ล้านหุ้น สัดส่วน 1% ของทุนเรียกชำระแล้ว
“คาดว่าผลกระทบจำกัด โดยปกติการลดทุนด้วยการตัดหุ้นที่ซื้อคืนออก จะทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นและเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของลดลง ส่วน D/E ratio กำไรต่อหุ้น เงินปันผลต่อหุ้นและอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) จะเพิ่มขึ้น แต่ทุนที่ลดลงเพียง 1% คิดเป็นจำนวน 3,207.97 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียง 0.8% ของส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นมิ.ย. 63 เท่านั้น คาดการณ์กำไรต่อหุ้นปีนี้เพิ่ม 1% ส่วน ROE เพิ่มขึ้นเพียง +0.04%”
ส่วนภาพรวมการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สยังคงแนะนำลดน้ำหนัก เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจยังอ่อนแอ ทำให้ความเสี่ยงเรื่อง NPLs ยังคงสูง แม้ว่าราคาปัจจุบันจะต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีก็ตาม สำหรับ BBL แนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 109 บาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นมิ.ย.63 ทาง BBL มีเงินกองทุนขั้นที่ 1 อยู่ที่ 14% (ก่อนซื้อธนาคารเพอร์มาตา อยู่ที่ 15.67% ในสิ้นมี.ค.63) ต่ำกว่า TMB ที่ 14.6% และต่ำกว่า KBANK และ KTB ที่ 15.4% และ SCB ที่ 17% (สูงสุดในแบงก์ใหญ่) ส่วนแบงก์เล็ก KKP มีต่ำสุดที่ 13.4% ขณะที่ TISCO สูงถึง 17.2%