HoonSmart.com>> “สหไทย เทอร์มินอล” ส่งสัญญาณฟื้นตัวจากพิษ COVID-19 กระทบส่งออกสินค้า ฉุดรายได้ไตรมาส 2/63 ร่วง คาดทั้งปีลดลงไม่เกิน 10% พร้อมเดินหน้าศูนย์กระจายสินค้า 2 โครงการใหม่ เปิดบริการปี 64 ช้ากว่ากำหนดเดิมเตรียมเปิดปลายปีนี้
นายบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล (PORT) กล่าวว่า จากการติดตามผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บริษัทฯ เห็นสัญญาณที่ดีในช่วงต้นไตรมาส 3 จากปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้น แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ เห็นว่าการให้บริการขนส่งทางบกเป็นหนึ่งในบริการที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯเล็งความสำคัญของการเพิ่มช่องทางในการบริการดังกล่าว เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับลูกค้า และเป็นส่วนผลักดันผลประกอบการให้เติบโต สำหรับคาดการณ์ว่ารายได้ในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะปรับตัวลดลงไม่เกินกว่า 10%
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าโครงการใหม่ทั้ง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2564 ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่คาดว่าจะเปิดปลายปี 2563 จากผลกระทบของการแพร่ระบาดโรคไวรัสทำให้ต้องชะลอการเปิดดำเนินการ โดยจะเปิดในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร ผ่านบริษัท บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (Bangkok Logistics Park) ซึ่ง PORT ร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ผู้นำการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย และโครงการท่าเรือแห่งใหม่แห่งที่ 3 ผ่าน บริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด (Bangkok River Terminal) ซึ่ง PORT ร่วมลงทุนกับบริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของโลก และกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผลเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2564 ซึ่งทั้ง 2 โครงการนอกจากจะช่วยในการเติบโตและขยายฐานของบริษัทฯให้ใหญ่ขึ้น ยังจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจอีกด้วย
ด้านนายวรวิทย์ เอื้อทรัพย์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท สหไทย เทอร์มินอล (PORT) กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2563 ซึ่งบริษัทฯมีรายได้รวม 325.65 ล้านบาท ลดลง 15.04 % จากรายได้รวม 383.29 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 76.76 ล้านบาท ลดลง 17.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 8.59 ล้านบาท ลดลง 61.87% จากกำไรสุทธิ 22.53 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ไตรมาส 2 ปี 2563 เท่ากับ 7.97 ล้านบาทปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2563 ที่มีกำไรสทุธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯเท่ากับ 6.21 ล้านบาท โดยยังเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว การนำเข้าส่งออกที่ลดลง