PRM มั่นใจครึ่งปีหลังฉลุย จ่อเพิ่มเรือใหม่ 2 ลำรองรับดีมานด์เพิ่ม

HoonSmat.com>> “พริมา มารีน” มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังยังคงดีต่อเนื่อง หลังรับรู้รายได้จากการปรับอัตราค่าบริการของกลุ่มเรือ FSU และเตรียมลงทุนเรือ FSU เพิ่มเติม รับดีมานด์ยังเติบโตต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศมีสัญญาณฟื้นตัวดีต่อเนื่อง “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” คาดกำไรนิวไฮไตรมาส 3/63 แนะ “ซื้อ” เป้า 13 บาท

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน (PRM) ผู้ให้บริการขนส่งและจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเหลวทางเรือรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจแนวโน้มการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปีนี้ว่าจะสามารถทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ 3,000.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 786.8 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยจากอัตราการใช้บริการ (Utilization Rate) กลุ่มเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล หรือ FSU ที่มีอยู่ 8 ลำ เต็ม 100% และในจำนวนนี้มี 6 ลำที่ได้ปรับราคาค่าบริการไปแล้ว 20% ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนขยายเรือในกลุ่มธุรกิจนี้อีกอย่างน้อย 1 ลำ คาดว่าจะเข้ามาประจำการได้ทันภายในปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการใช้เรือในการกักเก็บและผสมน้ำมันเตา ที่ประเมินว่ายังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กลุ่มธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศนั้น บริษัทฯ ประเมินว่าจะมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น สอดคล้องกับมาตรการของภาครัฐในการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ และมีการหารือถึงมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลดีต่อความต้องการใช้บริการเรือในกลุ่มดังกล่าว โดยบริษัทฯ มีแผนรับเรือใหม่ขนาด 3,000 DWT เข้ามาเพิ่มเติมและลดอายุเรือที่มีอายุมากกว่า 30 ปี

“การลงทุนเรือใหม่ทั้งเรือ FSU และเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศ เป็นการลงทุนที่เน้นสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจโดยสอดคล้องกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรม ซึ่งเรือที่เราจะรับเข้ามาในปีนี้มีลูกค้าพร้อมใช้บริการแล้ว ทำให้สามารถสร้างรายได้จากการลงทุนได้ทันที และจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายวิริทธิ์พล กล่าว

บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” PRM ราคาเป้าหมาย 13 บาท ประเมินแนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลัง 2563 จะเติบโตจากครึ่ปีแรกจากธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันที่ฟื้นตัวจากการเดินทางที่มากขึ้น ส่วนธุรกิจ FSU จะได้ประโยชน์เต็มที่จากการปรับขึ้นราคาเรือ 6 ลำใน 1H20 ขณะที่ Demand ยังสูง หนุนให้ Margin ขยายตัว

นอกจากนี้มองว่ากำไร 3Q20 มีโอกาสทำ new high ต่อจากการกลับรายการด้อยค่าเรือที่เตรียมขาย 1-2 ลำ กำไรสุทธิปีนี้ที่คาด +37% จึงมี upside ส่วนปีหน้าคาดโต 24% จากการเพิ่มกองเรืออีก 2 ลำ (มีลูกค้าแล้ว) จากปัจจุบัน 41 ลำ เพื่อทดแทนเรือที่เตรียมขาย ราคาหุ้นซื้อขายที่ พี/อี ปี 2564 เพียง 13.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 20 เท่า