ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 400 จุด ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสูงกว่าคาด

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 400 จุด ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก 884,000 ราย สูงกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ECB คงอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงินตามคาด ด้านราคาน้ำมันดิบร่วง 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 10 กันยายน 2563 ที่ 27,534.58 จุด ลดลง 405.89 จุด หรือ 1.45% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนจากแรงขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่กลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นในวันก่อน ขณะที่การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานสะท้อนว่าเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่สม่ำเสมอ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,339.19 จุด ลดลง 59.77 จุด, -1.76%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,919.59 จุด ลดลง 221.97 จุด, -1.99%

หุ้นแอปเปิล ลดลง 3.26% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 3.9% หุ้นเฟซบุ๊กลดลง 2.06% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.37% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 2.8%

นักวิเคราะห์ระบุว่า แรงซื้อและแรงขายทำกำไรในหุ้นเทคโนโลยียังคงมีต่อเนื่องในอีก 2-3 วันข้างหน้า ขณะที่ดัชนี CBOE วัดความผันผวนของตลาดเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน

นักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุน หลังข้อมูลการรับสวัสดิการว่างงานล่าสุดยังแสดงให้เห็นถึง ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีทิศทางไม่ชัดเจน

กระทรวงแรงงานเผย มีผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว จำนวน 884,000 ราย สูงกว่า 850,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด เพราะการปลดพนักงานและการพักงานยังมีต่อเนื่อง ในหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 93,000 ราย เป็น 13.385 ล้านราย

ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)ทั่วไป เดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนสูงกว่า 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด และปรับตัวดีขึ้นจาก -0.4% เป็น -0.2% เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนสูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด และเพิ่มขึ้น 0.6% จากระยะเดียวกันของปีก่อน แต่นักวิเคราะห์มองว่า แม้จะปรับตัวดีขึ้นและพ้นจากภาวะเงินฝืดที่เกิดจากการระบาดของไวรัสไปแล้ว แต่แนวโน้มยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่พรรคเดโมแครตในวุฒิสภาลงคะแนนไม่เห็นด้วยต่อแผนเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ชุดใหม่ที่นำเสนอโดยวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน เพราะไม่มีการจ่ายเงิน 1,200 ดอลลาร์ให้ประชาชน ไม่มีเงินสนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่นและไม่มีเงินช่วยเหลือด้านค่าเช่า ค่าอาหาร

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดว่า พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันน่าจะมีข้อสรุปมาตรการได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายน

หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงตามราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นและการคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันของโลกจะลดลง โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิลลดลง 2.55% หุ้นเชฟรอน ลดลง 2.34%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเหมืองแร่ที่ลดลง 1.5% หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวน้อยกว่าคาด

นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ไว้ที่ระดับ 1.35 ล้านล้านยูโร

นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า ในกรณีฐานเศรษฐกิจยูโรโซนคาดว่าจะติดลบ 8.0% ในปีนี้ ซึ่งดีกว่า 8.7% ที่ประเมินไว้ช่วงเดือนมิถุนายน ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะขยายตัว 0.3% ในปีนี้ และ 1.0% ในปีหน้า แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะช้ากว่าที่คาดและเงินเฟ้อยังคงห่างจากเป้าหมายอีกนาน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 367.48 จุด ลดลง 2.17 จุด ,-0.59%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,003.32 จุด ลดลง 9.52 จุด, -0.16%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,023.93 จุด ลดลง 19.05 จุด, -0.38%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,208.89 จุด ลดลง 28.32 จุด, -0.21%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 75 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 37.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 73 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 40.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล