TU ลงทุนเพิ่ม Red Lobster ถือหุ้นใหญ่ 49% จับมือพันธมิตรใหม่เดินหน้าธุรกิจ

HoonSmart.com>> “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” ส่งลูกเข้าลงทุนเพิ่มใน Red Lobster ขยับถือหุ้นใหญ่ 49% พร้อมจับมือพันธมิตรใหม่เดินหน้าธุรกิจ

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดผยว่า คณะกรรมการบริหารบริษัทฯ ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติให้ Thai Union Investments North America LLC (TUINA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกา ซื้อหน่วยลงทุนสามัญเพิ่มเติม 1,040,000 หน่วย คิดเป็น 13.68% ของหน่วยลงทุนสามัญที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดก่อนการปรับลด ในบริษัท Red Lobster Master Holdings (RLMH) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster จาก GGCOF RL Splitter, L.P. (Splitter) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของ Golden Gate Capital Opportunity Fund, L.P. (ธุรกรรม)

ก่อนหน้าหนี้ TU ถือหน่วยลงทุนสามัญทั้งทางตรงและทางอ้อม จำนวน 2,500,000 หน่วย และ 2,400,000 หน่วยลงทุนบุริมสิทธิที่แปลงสภาพได้

นอกจากการได้มาซึ่งสินทรัพย์เพิ่มเติมแล้ว TUINA ยังได้ทำข้อตกลงและเงื่อนไขอื่น ๆ กับกลุ่มนักลงทุนใหม่ใน RLMH ด้วย ทำให้การสัดส่วนการถือหุ้นจะไม่เกินกว่า 25% ของหน่วยลงทุนที่ปรับลดแล้วทั้งหมด โดย TUINA จะยังคงมีหน่วยลงทุนบุริมสิทธิ์ 2,400,000 หน่วย (เทียบได้กับการเข้าลงทุนคิดเป็นสัดส่วนที่ปรับลดแล้วเท่ากับ 24% ของหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด) ของ RLMH

หลังจากการทำธุรกรรมนี้ TUINA จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ RLMH ด้วยสัดส่วนถือหุ้น 49% และด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ไทยยูเนี่ยนคาดว่าจะร่วมผลักดันและส่งเสริมแผนธุรกิจของ RLMH รวมถึงเพิ่มความร่วมมือกับไทยยูเนี่ยนในฐานะผู้ผลิต และการเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหารทะเลในสหรัฐอเมริกาและช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเติบโตและการพัฒนาต่อไป

ด้านบริษัท โกลเด้น เกท แคปิตอล ประกาศตกลงขายหุ้นที่มีในบริษัท เรด ล็อบสเตอร์ ซีฟู้ด ให้กับกลุ่มทุนประกอบด้วย บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ซึ่งมีการลงทุนในเรด ล็อบสเตอร์อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว กลุ่มนักลงุทนประกอบด้วยผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหารชั้นนำและอุตสาหกรรมการบริหาร และกลุ่มผู้บริหารเรด ล็อบสเตอร์เดิม ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในอุตสาหกรรม ไทยยูเนี่ยนคือหนึ่งในบริษัทผู้นำอาหารทะเลระดับโลก ที่มีมูลค่าธุรกิจกว่า 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ

การลงทุนในครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่ไทยยูเนี่ยนตั้งใจจะพัฒนาธุรกิจเรด ล็อบสเตอร์ โดยเส้นทางการเข้าสู่ธุรกิจเรด ล็อบสเตอร์ของไทยยูเนี่ยนเริ่มต้นขึ้นในปี 2559 ด้วยเงินลงทุนเชิงกลยุทธ์ 575 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่งตัวแทนบริษัทสองคนเข้าเป็นคณะกรรมการบริษัทเรด ล็อบสเตอร์ กลุ่มนักลงทุนใหม่ในเรด ล็อบสเตอร์นี้ อยู่ภายใต้บริษัทชื่อ ซีฟู้ด อะไลอันซ์ ประกอบด้วย ผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่ นายพอล เคนนี่ และนายฤทธิ์ ธีระโกเมน ผู้บริหารที่นำประสบการณ์กว่า 75 ปีในการบริหารธุรกิจร้านอาหารทั้งด้านกลยุทธ์ การบริหารจัดการ และการสร้างแบรนด์ โดยนายพอล เคนนี่ เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ ฟู้ด หนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่ดำเนินธุรกิจร้านอาหารกว่า 2,000 แห่ง ใน 27 ประเทศ อาทิ The Pizza Company, The Coffee Club, Riverside, Thai Express, Benihana, Bonchon, Swensen’s, Sizzler, Dairy Queen และ Burger King ในด้านนายฤทธิ์ ธีระโกเมน ปัจจุบันตำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด

นายคิม ล็อพดร็อป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรด ล็อบสเตอร์ กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยนนั้นเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบรายหลักให้กับเรด ล็อบสเตอร์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน อีกทั้งยังเป็นผู้ลงทุนในช่วงระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ซีฟู้ด อะไลอันซ์ ยังมีประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหารและการบริการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทต่อไป

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยนได้ลงทุนเชิงกลยุทธ์ในเรด ล็อบสเตอร์ มาตั้งแต่ปี 2559 และการลงทุนในครั้งนี้นอกจากจะตอกย้ำความมุ่งมั่นของ TU ในธุรกิจเรด ล็อบสเตอร์ แล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ TU มีต่อการบริหารและกลยุทธ์บริษัทที่จะนำเสนออาหารทะเลคุณภาพและมีความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค แบรนด์ เรด ล็อบสเตอร์เองมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว และมีฐานลูกค้านับล้านทั่วโลก

“เราเชื่อว่าธุรกิจนี้มีศักยภาพในระยะยาว ซึ่งเรามองว่าจะสามารถนำจุดแข็งนี้มาต่อยอดธุรกิจ นอกจากนี้ผู้ร่วมทุนอย่าง ซีฟู้ด อะไลอันซ์ ยังมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งจะสามารถพัฒนาแบรนด์เรด ล็อบสเตอร์ ให้เติบโตได้ต่อไป” นายธีรพงศ์ กล่าว

นายจอช โอลชานสกี กรรมการผู้จัดการบริษัท โกลเด้น เกท แคปิตอล กล่าวว่า เรด ล็อบสเตอร์ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งทำให้นักลงทุนของบริษัทได้รับผลตอบแทนที่ดีมาโดยตลอด นับตั้งแต่ปี 2557 และด้วยสภาพคล่องที่ดีของบริษัทนี้ มั่นใจว่าธุรกิจ เรด ล็อบสเตอร์ จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 เรด ล็อบสเตอร์ ได้เพิ่มมาตรการต่างๆ ในด้านการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานความปลอดภัยต่างๆ ตามแนวทางของศูนย์การป้องกันและควบคุมโรคของรัฐบาล เพื่อที่จะให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับสินค้าที่คงคุณภาพสูงและบริการที่ปลอดภัย

นอกจากนี้ เรด ล็อบสเตอร์ ยังริเริ่มบริการส่งอาหารแบบไร้การสัมผัส และการบริหารสั่งอาหารกลับบ้านแบบไร้การสัมผัส ตลอดจนเมนูใหม่ๆ เช่น เซ็ทสังสรรค์ครอบครัวสำหรับ 4 ท่าน ที่ราคาเริ่มต้นเพียง 7 เหรียญสหรัฐต่อคนเท่านั้น ปัจจุบบัน ร้านอาหาร เรด ล็อบสเตอร์ 99 เปอร์เซ็นต์ ได้เปิดให้บริการสั่งอาหารกลับบ้านและส่งถึงบ้าน และ 88 เปอร์เซ็นต์ ได้เปิดให้นั่งรับประทานในร้าน โดยปรับเมนูเป็นกระดาษใช้ครั้งเดียว และมีบริการที่สามารถให้ลูกค้าอ่านเมนูอาหารจากมือถือ ลูกค้าสามารถชำระค่าอาหารได้โดย Apple Pay หรือบัตรเครดิตผ่านแท็ปเล็ตบนโต๊ะอาหารซึ่งจะมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อทุกครั้ง

“ผมภูมิใจที่พวกเรารับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานเป็นอับดับแรก สถานการณ์ในครั้งนี้ทำให้เรากลับมาทบทวนการให้บริการแก่ลูกค้า ทำให้เราประสบความสำเร็จในการบริการอาหารทั้งแบบรับกลับและส่งถึงบ้านให้กับลูกค้า ซึ่งยอดขายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 และยังคงดีต่อเนื่องหลังจากที่สาขาต่างๆ ของเราได้เปิดให้บริการนั่งทานภายในร้าน”นายคิม ล็อพดร็อป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรด ล็อบสเตอร์ กล่าว