ราคาน้ำมันตลาดลอนดอนขยับลงแรง หลังจากซาดีอาระเบียเพิ่มกำลังผลิตอย่างมาก และราคาทองคำดิ่งหนัก 12.80 ดอลลาร์ จากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและดาวโจนส์บวก ทำให้ทองคำได้รับความสนใจน้อยลง
วันที่ 2 ก.ค. 2561 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 21 เซนต์ ปิดที่ 73.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.93 ดอลลาร์ ปิดที่ 77.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดผลสำรวจพบว่าเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบีย เพิ่มกำลังผลิตขึ้นประมาณ 330,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 10.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถือเป็นกำลังผลิตรายเดือนสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2013
ส่วนราคาทองคำดิ่งลงแรง เมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 12.80 ดอลลาร์ หรือ 1.02% ปิดที่ 1,241.70 ดอลลาร์/ออนซ์
การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ส่งผลให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง โดยในระหว่างที่ตลาดทองคำนิวยอร์กทำการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.5% แตะที่ระดับ 95.06
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ราคาทองคำและดอลลาร์จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกัน โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ราคาทองคำจะปรับตัวลดลง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำ ซึ่งกำหนดราคาในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า