ทริสฯ ลดเครดิต PF เป็น BB หุ้นกู้ Hybrid เป็น B

HoonSmart.com>>ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน ไม่มีประกัน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท จากผลการดำเนินงานอ่อนแอ  คอนโดมิเนียม และโรงแรมอ่อนแอ สภาพคล่องตึงตัว  12 เดือนข้างหนี้มีหนี้ต้องชำระ 8,500 ล้านบาท เล็งออกหุ้นกู้ ขายทรัพย์สิน 

บริษัท ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เป็น “BB” จากระดับ “BB+” และปรับลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน ไม่มีประกัน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (Hybrid Debentures) เป็น “B” จากระดับ “B+” ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “คงที่” จาก  “ลบ”

การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนในระดับสูง และสภาพคล่องทางการเงินที่ตึงตัว นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงแบรนด์สินค้าที่เป็นที่ยอมรับในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย รวมถึงการถือครองที่ดินรอการพัฒนาจำนวนมากและคุณภาพที่ดีของโรงแรมของบริษัท

ทั้งนี้ หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 3 ขั้น

บริษัทมีผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของโครงการคอนโดมิเนียม ทริสคาดว่ารายได้และความสามารถในการทำกำไรจะลดลงในปีนี้ ผลกระทบจาก โควิด-19 จะยังคงบั่นทอนความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยต่อไปโดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม   คาดว่ารายได้จากการพัฒนาที่อยู่อาศัยจะลดลง 20% ในปี 2563 และปรับเพิ่มขึ้น 7-10% ต่อปีในปีถัด ๆ มา ส่วนรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมคาดว่าจะลดลงเหลือเพียงประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563-2565 จาก 5-6,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2559-2562 เนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลง ส่วนรายได้จากโครงการบ้านจัดสรรคาดว่าจะยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 8 พันล้านบาทถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563-2565

ในประมาณการพื้นฐานของทริสคาดว่าบริษัทจะชะลอการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ ณ เดือนมิ.ย. 2563 บริษัทมีโครงการบ้านจัดสรรระหว่างการพัฒนา 56 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 19 โครงการ ซึ่งรวมทั้งโครงการของบริษัทเองและโครงการภายใต้การร่วมทุน โดยมีมูลค่าเหลือขายรวม 5.5 หมื่นล้านบาท (รวมทั้งที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) บริษัทมีบ้านจัดสรรคงเหลือสร้างเสร็จมูลค่า 1.4 พันล้านบาทและคอนโดมิเนียมคงเหลือสร้างเสร็จมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเปิดโครงการบ้านจัดสรรทั้งโครงการของบริษัทเองและโครงการภายใต้การร่วมทุนมูลค่า 1 หมื่นบาทต่อปีและเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพียงไม่กี่โครงการโดยมีมูลค่า 2 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2565 ทั้งนี้ งบประมาณในการซื้อที่ดินคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ส่วนธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในปี 2563 และจะดีขึ้นในช่วงปี 2564-2565  ส่วนโรงแรมคิโรโระของบริษัทในประเทศญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดพื้นที่ของรัฐบาลท้องถิ่นเช่นเดียวกัน การแพร่ระบาดของไวรัสรอบที่ 2 ในภูมิภาคฮอกไกโดส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ทริสมองว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นยังมีความไม่แน่นอน

ในสมมติฐานพื้นฐานของทริสคาดว่ารายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ของโรงแรมจะลดลงมากถึงประมาณ 50% ก่อนจะปรับดีขึ้นในปี 2564 โดยจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่าปี 2562 ประมาณ 30% และในปี 2565 จะอยู่ที่ระดับต่ำกว่าปี 2562 ประมาณ 5% นอกจากนี้ ยังคาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมจะลดลงประมาณครึ่งหนึ่งในปีนี้และปรับดีขึ้นเป็น 2 พันล้านบาทในปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทริสเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มฟื้นตัวและคาดว่ารายได้จะเติบโตเป็น 2.7 พันล้านบาทในปี 2565

อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงมากที่ 70% ณ เดือนมิ.ย. 2563 อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนเท่ากับ 1.96 เท่า ตามเงื่อนไขทางการเงินของเงินกู้ให้ต่ำกว่า 2.5 เท่า ดังนั้น บริษัทจำเป็นต้องระมัดระวัง อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินยังติดลบในช่วง 6 เดือนแรก เนื่องจากผลขาดทุนที่มีนัยสำคัญจากธุรกิจโรงแรม หากธุรกิจโรงแรมฟื้นตัวช้าก็อาจส่งผลให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในช่วงปี 2563-2564

บริษัทยังมีสภาพคล่องตึงตัว  ภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 8.5 พันล้านบาท แหล่งเงินทุนมีเงินสดในมือจำนวน 2.4 พันล้านบาท และวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่ติดเงื่อนไขในการเบิกซึ่งสามารถเบิกใช้ได้ทันทีจำนวน 0.5 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินซึ่งไม่ติดภาระค้ำประกันซึ่งมีมูลค่าตามบัญชีจำนวน 3.8 พันล้านบาทและสินค้าคงเหลือสร้างเสร็จในโครงการที่ปลอดภาระหนี้แล้วจำนวน 6.1 พันล้านบาท ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักประกันสำหรับขอวงเงินกู้ใหม่ได้หากจำเป็น

บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ  บริษัทมีแผนจะลดภาระหนี้โดยการขายที่ดินและโรงแรมของบริษัท