ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 80 จุด เฟดกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจ

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดลบกว่า 80 จุด เฟดปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจปี 63 ลง พร้อมย้ำมาตรการทางการคลังเพิ่มยังจำเป็นท่ามกลางระบาดโควิด-19 ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ราคาน้ำมันดิบทรงตัว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ที่ 27,692.88 จุด ลดลง 85.19 จุด หรือ 0.31% จากรายงานการประชุมของธนาคารกลาง (เฟด) ได้ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2020 ลง และย้ำว่ามาตรการทางการคลังเพิ่มเติมมีความจำเป็นท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,374.85 จุด ลดลง 14.93 จุด, -0.44%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,146.46 จุด ลดลง 64.38 จุด, -0.57%

ในช่วงแรกตลาดปรับตัวขึ้นจากผลการดำเนินงานของกลุ่มค้าปลีกที่แข็งแกร่ง โดยหุ้นทาร์เก็ต คอร์ปค้าปลีกรายใหญ่เพิ่มขึ้น 12.65% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 24.3% และยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าหรือ 195% ส่วนหุ้นโลว์ ผู้จำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น 0.23% จากยอดขายและกำไรที่เพิ่มขึ้นดีกว่าคาด เพราะผู้บริโภคหันมาซ่อมแซมและตกแต่งบ้านช่วงโควิดระบาด

นักวิเคราะห์ระบุว่า ยอดขายของค้าปลีกที่แข็งแกร่งส่วนหนึ่งมาจาการมาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่ช่วยให้ฟื้นตัว แต่ก็ยังจำเป็นที่ต้องมีมาตรการทางการคลังที่ครอบคลุมในวงกว้างมาช่วยเหลือผู้ที่ต้องดำรงชีวิตจากเงินช่วยเหลือของรัฐ

ตลาดอ่อนตัวลงหลังจากเฟดเผยแพร่รายงานการประชุมวันที่ 28-29 กรกฎาคมของคณะกรรม การนโยบายการเงินซึ่งเจ้าหน้าที่เฟดได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีและชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการทางการคลังเสริมเพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่เปราะบางและเศรษฐกิจ เพราะยังคงมีการระบาดของไวรัสโควิด-19

รายงานการประชุมระบุว่า วิกฤติด้านสาธารณสุขที่ยังมีอยู่นี้จะมีผลอย่างมากต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงานและเงินเฟ้อในระยะสั้น และเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจในระยะปานกลาง และเฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในช่วง 0%-0.25% จนกว่าเศรษฐกิจจะผ่านพ้นสถานการณ์ปัจจุบันไปได้และแข็งแกร่งจนบรรลุเป้าหมายการจ้างงานและเสถียรภาพทางด้านราคา

นอกจากนี้รายงานการประชุมยังระบุว่า คณะกรรมการเฟดกังวลต่อความเสี่ยงของระบบการเงิน แม้ธนาคารและสถาบันการเงินยังมีฐานะที่แข็งแกร่ง แต่หากการระบาดของไวรัสยังต่อเนื่องก็จะมีผลกระทบ

นักวิเคราะห์จากแบล็กร็อกกองทุนขนาดใหญ่มองว่า จากรายงานการประชุมสะท้อนว่า ทั้งมาตรการทางการเงินและการคลังยังจำเป็นเพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างที่ต้องการ

นางแนนซี เปโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมที่จะกลับไปเจรจาและพิจารณามาตรการใหม่

นอกจากนี้นักลงทุนยังกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีท่าทีว่าจะปล่อยให้ข้อตกลงการค้าระยะแรกล่ม เพราะความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีมากขึ้น ขณะเดียวกันมีรายงานของบลูมเบิร์กว่า มหาวิทยาลัยหลายของสหรัฐฯได้รับคำเตือนจากกระทรวงต่างประเทศลดการถือครองหุ้นจีนก่อนที่บริษัทเหล่านี้จะถูกถอนออกจากตลาด

หุ้นโมเมนตา ฟาร์มาซูติคัลส์ เพิ่มขึ้น 69.17% หลังจากจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ประกาศซื้อกิจการโมเมนตา ฟาร์มาซูติคัลส์ วงเงิน 6.5 พันล้านดอลลาร์ หุ้นจอนห์สันแอนด์จอนห์สันเพิ่มขึ้น 0.20%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯหลังจากที่ในวันอังคารดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นไปทำนิวไฮ ส่งผลให้กลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 1.4% นำตลาด อย่างไรก็ตามการซื้อขายผันผวน เพราะ นักลงทุนยังเกาะติดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่มากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯให้สัมภาษณ์ว่าเลื่อนการเจรจาการค้ากับจีนออกไป เพราะไม่ต้องการคุยกับจีนในช่วงนี้

ในอังกฤษ เงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมปรับตัวขึ้น 1.0% เกินกว่า 0.6% ที่คาด

หุ้นเมิร์สก บริษัทชิปปิ้งรายใหญ่ของโลกเพิ่มขึ้น 5% หลังกำไรไตรมาสสองดีกว่าคาด และบริษัทคาดว่าว่าอุปสงค์จะกระเตื้องขึ้นในไตรมาสสามแต่ทั้งปีน่าจะลดลง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 369.58 จุด เพิ่มขึ้น 2.40 จุด , +0.65%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,111.98 จุด เพิ่มขึ้น 35.36 จุด, +0.58%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,977.23 จุด เพิ่มขึ้น 39.17 จุด, +0.79%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,977.33 จุด เพิ่มขึ้น 95.57 จุด, +0.74%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 4 เซนต์ ปิดที่ 42.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 9 เซนต์ ปิดที่ 45.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านต่อ

ราคาน้ำมันดิบทรงตัวกังวลโควิด-19 ระบาดระลอกสอง