BTS โค้งแรกกำไร 443 ลบ. ร่วง 50%

HoonSmart.com>> “บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” เปิดงบไตรมาส 1/63 สิ้นสุด 30 มิ.ย. กำไรสุทธิ 443 ล้านบาท ลดลง 50% จากงวดปีก่อน ผลกระทบ COVID-19 ฉุดรายได้ธุรกิจสื่อโฆษณา อสังหาฯ และบริการลดลง ธุรกิจระบบขนส่งมวลชนรายได้เพิ่มขึ้น 36% ทั้งรับรู้ผลขาดทุนกิจการร่วม BTSGIF และยูซิตี้

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2563 กำไรสุทธิ 443.41 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.034 บาท ลดลง 450 ล้านบาท หรือ -50.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 893.86 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.075

บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการดำเนินงานต่อเนื่อง จำนวน 10,770 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.9% หรือ 2,009 ล้านบาท จาก 8,761 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2562/63 โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้รวมส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก 1.การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการรับเหมาติดตั้งและก่อสร้างและจัดหารถไฟฟ้า จำนวน 1,912 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้จากการให้บริการรับเหมาติดตั้งและก่อสร้างและจัดหารถไฟฟ้าโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ และรายได้งานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองที่เพิ่มขึ้น และ 2.จาการเพิ่มขึ้นของรายได้จากเงินปันผลรับ จำนวน 121 ล้านบาท

อย่างไรก็ดีการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานบางส่วนถูกหักกลบด้วยรายได้จากการบริการและการขายที่ลดลงจำนวน 90 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากรายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาที่ลดลงในไตรมาสนี้แม้ว่ารายได้จากการให้บริการเดินรถจะยังคงเพิ่มขึ้นก็ตาม

รายได้จากการดำเนินงานรวม ในไตรมาส 1 ปี 2563/64 จำนวน 9,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5% หรือ 1,303 ล้านบาท จากปีก่อน โดยรายได้จากการดำเนินงานของธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการ คิดเป็นสัดส่วน 92%, 4%, 1% และ 3% ตามลำดับ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ซึ่งเพิ่มขึ้น 36.4% หรือ 2,384 ล้านบาท จากปีก่อน

ปัจจัยหลักมาจาก 1.การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการรับเหมาติดตั้งและก่อสร้างและจัดหารถไฟฟ้าโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ 2.การเพิ่มขึ้นของรายได้จากงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง และ 3. รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ดีธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการ ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้รายได้ลดลง 67.6%, 55.4% และ 26.6% ตามลำดับ

ด้านต้นทุนรวมและค่าใช้จ่ายรวมจากการดำเนินงานต่อเนื่อง สำหรับไตรมาส 1 ปี 2563/64 จำนวน 8,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,615 ล้านบาท หรือ 21.9% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการรับเหมาติดตั้งและก่อสร้างและจัดหารถไฟฟ้าโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ และต้นทุนงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการบริการและการขาย จำนวน 105 ล้านบาท

สำหรับส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วม จำนวน 479 ล้านบาท (เทียบกับส่วนแบ่งกำไร จำนวน 405 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี2562/63) สาเหตุหลักมาจากผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงของยูซิตี้และ BTSGIF ในไตรมาสนี้เนื่องจากผลของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้บริษัทฯ บันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจาก ยูซิตี้จำนวน 399 ล้านบาท (เทียบกับส่วนแบ่งกำไรจาก ยูซิตี้จำนวน 193 ล้านบาทที่ถูกบันทึกในไตรมาส 1 ปี 2562/63) และบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจาก BTSGIF จำนวน 24 ล้านบาท (เทียบกับส่วนแบ่งกำไรจาก BTSGIF จำนวน 225 ล้านบาทที่ถูกบันทึกในไตรมาส 1 ปี 2562/63)

ในส่วนของกำไรจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ย และภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 1,520 ล้านบาทลดลง 661 ล้านบาท หรือ 30.3% จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากผลการดำเนินงานของธุรกิจสื่อโฆษณาที่ปรับตัวลดลง รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วม ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19