ดาวโจนส์ปิดลบ 80 จุด ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าล้านครั้งแรก

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นดาวโจนส์-ยุโรปปรับตัวลง จากความกังวลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ยังตกลงกันไม่ได้ ราคาน้ำมันลดลง 

ดาวโจนส์ปิดลบ 80 จุด ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าล้านครั้งแรก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 13 ส.ค. 2563 ที่ 27,896.72 จุด ลดลง 80.12 จุด หรือ 0.29% แม้หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนท่ามกลางการไร้ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 3,373.43 จุด ลดลง 6.92 จุด, -0.20%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,042.50 จุด เพิ่มขึ้น 30.26 จุด, +0.27%

ระหว่างวันตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นสั้นๆ จากข้อมูลการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ก่อนที่มีจำนวน 963,000 ราย ต่ำกว่า 1.1  ล้านราย ที่นักวิเคราะห์คาด และเป็นครั้งแรกที่มีจำนวนต่ำกว่า 1 ล้านรายนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. หลังจากที่มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านรายติดต่อกัน 20 สัปดาห์ นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตามความกังวลต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหมจำกัดการปรับตัวขึ้นของตลาด

นักลงทุนวิตกว่า การว่างงานสะสมจำนวนมากท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะกลายเป็นการว่างงานถาวรและอาจจะทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักลงอีก เพราะโครงการช่วยเหลือคนตกงานด้วยการแจกเงิน 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ได้สิ้นสุดลงในสิ้นเดือนก.ค. และอาจมีผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคในระยะยาว

นางแมรี ดาลี ประธานธนาคาร(เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวในการเสวนาผ่านออนไลน์ของสมาคมเศรษฐศาสตร์ลาสเวกัสว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นจะช่วยไม่ให้มีการปลดคนงานเพิ่มในภาคบริการ

ขณะเดียวกัน พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ต่างฝ่ายต่างโทษกันว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีความคืบหน้า นายลาร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นบีซีว่า ทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังตกลงกันไม่ได้ เพราะพรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากเกินไป เพราะรัฐบาลใช้เงินไปแล้ว 3 ล้านล้านดอลลาร์ และย้ำว่า นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกำลังดำเนินการในเรื่องนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ดัชนีราคานำเข้าเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 0.7% เป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 ปัจจัยที่มีผลต่อดัชนีราคานำเข้าคือราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 6.9%

หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 1.77% หลังประกาศจะออกหุ้นกู้ 4 ชุดในอายุ 5 ปี 10 ปี 30 ปี และ 40 ปี ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาบริษัทได้ออกหุ้นกู้ไปแล้ว 8.5 พันล้านดอลลาร์

หุ้นเน็ตฟลิกซ์เพิ่มขึ้น 1.23 % หุ้นเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น 0.54%

หุ้นโนวาแวกซ์ บริษัทไบโอเท็คเพิ่มขึ้น 7.12% หลังจากทำข้อตกลงร่วมกับบริษัทเอสเค ไบโอไซแอนซ์ ของเกาหลีใต้ เพื่อจัดหาและการพัฒนาสารแอนติเจนที่ใช้ในวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของโนวาแวกซ์

หุ้นซิสโกซิสเต็มลดลง 11.18% จากรายได้ไตรมาสสองที่ลดลง

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง

นอกเหนือไปจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดจะประชุมร่วมกันวันเสาร์นี้เพื่อทบทวนข้อตกลงการค้าระยะแรก นักลงทุนยังกังวลต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐฯที่ปะทุขึ้นอีก หลังจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯยืนยันว่าอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากอียู ซึ่งรวมทั้งวิสกี้และเครื่องบิน

โดยเฉพาะแอร์บัสไม่เปลี่ยนแปลง แม้แอร์บัสพร้อมจะปฏิบัติตามการพิจารณ์ขององค์กรการค้าโลก

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอียูรวมมูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนและคงอัตราภาษีไว้ที่ 15% สำหรับเครื่องบินและ 25% สำหรับสินค้าทุกประเภท

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 372.53 จุด ลดลง 2.35 จุด , -0.63%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,185.62 จุด ลดลง 94.50 จุด, -1.50%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,042.38 จุด ลดลง 30.93 จุด, -0.61%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,993.71 จุด ลดลง 64.92 จุด, -0.50%

หุ้น Thyssenkrupp บริษัทอุตสาหกรรมเหล็กรายใหญ่ ของเยอรมนีลดลง 16.3% หลังขาดทุน 679 ล้านยูโรในไตรมาสสามและคำสั่งซื้อลดลง 35%

หุ้น Carlsberg บริษัทเบียร์รายใหญ่จากเดนมาร์กลดลง 5.8% หลังคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปีนี้จะลดลง 10-15% และเตือนว่าจะยังได้รับแรงกดดันด้านอุปสงค์ในจีนในครึ่งหลังของปี ส่วนยอดขายในยุโรปคงไม่กระเตื้องในปีนี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 43 เซนต์ปิดที่ 42.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 47 เซนต์ปิดที่ 44.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล